รวมทุกเรื่องราวน่าสนใจ

เส้นทางรถไฟฟ้ามีสายอะไรบ้าง? อัปเดตล่าสุด 2567Highlights การพักอาศัยย่านที่ติดกับเส้นทางรถไฟฟ้าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ลดค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมัน รวมถึงยังเข้าสู่ตัวเมืองได้โดยไม่ต้องเสียเวลาบนท้องถนน ในปัจจุบันเส้นทางรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการ อำนวยความสะดวกในการเดินทางนั้นมีมากมาย เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟฟ้าสายสีเขียว, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, Airport Rail Link เป็นต้น สำหรับอัตราค่าโดยสายรถไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ จะแตกต่างกันออกไป รวมถึงยังมีบัตรโดยสารที่ใช้ได้แตกต่างกันอีกด้วย เช่น บัตรแรบบิท หรือบัตร MRT ที่พักอาศัยใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าดีอย่างไร?  หากใครที่ต้องการเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน ย่อมต้องการเลือกที่อยู่อาศัยที่เดินทางสะดวกสบายเพื่อประหยัดเวลาบนท้องถนน แต่ในปัจจุบันที่การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าถือว่าสบายขึ้นอีกขั้น ฉะนั้น ผู้คนจึงหันมาสนใจเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดที่มีโลเคชั่นตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น    ที่พักใกล้แนวรถไฟฟ้าดีอย่างไร? นอกจากเพิ่มความสบายในการเดินทางแล้ว หากใครที่ต้องเสียค่าน้ำมันหลายพันบาทต่อเดือน หรือเสียค่าที่จอดรถในการไปทำธุระแต่ละครั้ง การใช้ขนสาธารณะจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางระยะใกล้ได้มากขึ้น ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายยิบย่อยอีกต่อไป   อัปเดตเส้นทางรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ล่าสุด 2567 เส้นทางรถไฟฟ้าในปัจจุบันมีการขยายเพิ่มเติมอย่างกว้างขวาง ทั้งรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วและวางแผนเปิดให้บริการในอนาคต ในหัวข้อนี้มีสรุปสายรถไฟฟ้าทั้งหมดมีอะไรบ้าง?   1. รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม หลายคนอาจไม่ทราบว่า รถไฟฟ้าสายสีแดงมีการแบ่งเส้นทางการเดินรถออกเป็น 2 สาย คือ สีแดงเข้มและสีแดงอ่อน สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มมีทั้งหมด 10 สถานี เริ่มต้นจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ไปจนถึงสถานีรังสิต มีจุดเชื่อมกับสายสีแดงอ่อนและสายสีน้ำเงินที่สถานีกลางบางซื่อ ในอนาคตยังมีการวางแผนขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีแดงไปสู่จังหวัดข้างเคียง อย่างปทุมธานี นครปฐม หรืออยุธยา โดยสถานีทั้งหมดของสายสีแดงเข้มที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน มีดังนี้ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) จตุจักร วัดเสมียนนารี บางเขน ทุ่งสองห้อง  หลักสี่ การเคหะ ดอนเมือง หลักหก รังสิต 2. รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน สำหรับรถไฟฟ้าสีแดงอ่อนเปิดให้บริการทั้งหมด 4 สถานี และเชื่อมต่อกับสายสีแดงเข้มที่สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งในอนาคตมีแผนขยายเพื่อรองรับการเดินทางที่สะดวกยิ่งขึ้นจากทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก โดยสถานีที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมีดังนี้ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) บางซ่อน บางบำหรุ ตลิ่งชัน 3. Airport Rail Link แอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ เส้นทางรถไฟฟ้าทั้งหมดของแอร์พอร์ตลิ้งค์มีทั้งหมด 8 สถานี เริ่มจากสถานีพญาไทไปยังสถานีสุวรรณภูมิ มีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีมักกะสัน โดยสถานีทั้งหมดที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมีดังนี้ พญาไท ราชปรารถ มักกะสัน รามคำแหง หัวหมาก บ้านทับช้าง ลาดกระบัง สุวรรณภูมิ 4. รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม  รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม หรือหลายคนอาจรู้จักในชื่อรถไฟฟ้าสายสีลมมีทั้งหมด 14 สถานีด้วยกัน และเชื่อมต่อกับสายสีเขียวอ่อนที่สถานีสยาม โดยสถานีที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมีดังนี้ สนามกีฬาแห่งชาติ สยาม ราชดำริ ศาลาแดง ช่องนนทรี เซนต์หลุยส์ สุรศักดิ์ สะพานตากสิน กรุงธนบุรี วงเวียนใหญ่ โพธิ์นิมิตร ตลาดพลู วุฒากาศ บางหว้า 5. รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน รถไฟฟ้าสายสุขุมวิท หรือรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนมีทั้งหมด 48 สถานี ถือเป็นเส้นทางเดินรถไฟฟ้าที่มีสถานีมากที่สุด โดยผ่านพื้นที่ CBD ในกรุงเทพฯ ทั้งอโศก เพลินจิต หรือสยาม เป็นต้น และมีเส้นทางออกสู่จังหวัดข้างเคียงอย่างจังหวัดปทุมธานีและสมุทรปราการ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับสายสีเขียวเข้มที่สถานีสยาม สายสีน้ำเงินที่สถานีอโศก และยังมีสายอื่น ๆ ที่เชื่อมต่ออีกมากมาย โดยสถานีที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมีดังนี้ คูคต แยก คปอ. พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช สะพานใหม่ สายหยุด พหลโยธิน 59 วัดพระศรีมหาธาตุ กรมทหารราบที่11 บางบัว กรมป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เสนานิคม รัชโยธิน พหลโยธิน 24 ห้าแยกลาดพร้าว หมอชิต สะพานควาย เสนาร่วม อารีย์ สนามเป้า อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พญาไท ราชเทวี สยาม ชิดลม เพลินจิต นานา อโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย พระโขนง อ่อนนุช บางจาก ปุณณวิถี อุดมสุข บางนา แบริ่ง สำโรง ปู่เจ้า ช้างเอราวัณ โรงเรียนนายเรือ ปากน้ำ ศรีนครินทร์ แพรกษา สายลวด เคหะฯ 6. รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมีทั้งหมด 39 สถานี เชื่อมต่อกับสายสีเขียวเข้มที่สถานีสีลม สายสีเขียวอ่อนที่สถานีสุขุมวิท และเชื่อมต่อกับสายสีแดงเข้มที่สถานีกลางบางซื่อ ถือเป็นรถไฟฟ้าอีกหนึ่งสายที่เชื่อมต่อจากพื้นที่ปริมณฑลเข้าสู่ย่าน CBD ในกรุงเทพฯ นับเป็นสายหนึ่งที่สำคัญอย่างมากก็ว่าได้ โดยสถานีที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมีดังนี้ ท่าพระ (ถนนจรัญสนิทวงศ์) จรัญฯ 13 ไฟฉาย บางขุนนนท์ บางยี่ขัน สิรินธร บางพลัด บางอ้อ บางโพ เตาปูน บางซื่อ กำแพงเพชร สวนจตุจักร พหลโยธิน ลาดพร้าว รัชดาภิเษก สุทธิสาร ห้วยขวาง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พระราม 9 เพชรบุรี สุขุมวิท ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คลองเตย ลุมพินี สีลม สามย่าน หัวลำโพง วัดมังกร สามยอด สนามไชย อิสรภาพ ท่าพระ  บางไผ่ บางหว้า เพชรเกษม 48 ภาษีเจริญ บางแค หลักสอง 7. รถไฟฟ้าสายสีม่วง รถไฟฟ้าสายสีม่วงมีทั้งหมด 16 สถานี โดยเส้นทางจากสถานีเตาปูนไปยังสถานีคลองบางไผ่ เส้นทางรถไฟฟ้านี้ถือเป็นเส้นทางหลักที่เปิดให้บริการในจังหวัดนนทบุรีเพื่อเชื่อมเข้าสู่บริเวณใจกลางกรุงเทพฯ เนื่องจากมีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีเตาปูน โดยสถานีที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมีดังนี้ คลองบางไผ่ ตลาดบางใหญ่ สามแยกบางใหญ่ บางพลู บางรักใหญ่ บางรักน้อยท่าอิฐ ไทรม้า สะพานพระนั่งเกล้า แยกนนทบุรี 1 บางกระสอ ศูนย์ราชการนนทบุรี กระทรวงสาธารณสุข แยกติวานนท์ วงศ์สว่าง บางซ่อน เตาปูน 8. รถไฟฟ้าสายสีเหลือง รถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีทั้งหมด 23 สถานี โดยวิ่งจากสถานีลาดพร้าวไปยังสถานีสำโรง และเชื่อมต่อกับ Airport Link ที่สถานีมักกะสัน โดยสถานีที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมีดังนี้ ลาดพร้าว ภาวนา โชคชัย 4 ลาดพร้าว 71 ลาดพร้าว 83 มหาดไทย ลาดพร้าว 101 บางกะปิ แยกลำสาลี ศรีกรีฑา หัวหมาก กลันตัน ศรีนุช ศรีนครินทร์ 38 สวนหลวง ร.9 ศรีอุดม ศรีเอี่ยม ศรีลาซาล ศรีแบริ่ง ศรีด่าน ศรีเทพา ทิพวัล สำโรง  9. รถไฟฟ้าสายสีชมพู รถไฟฟ้าสายสีชมพูมีทั้งหมด 30 สถานี โดยเส้นทางจากสถานีแครายไปยังสถานีมีนบุรี ครอบคลุมพื้นที่ของเขตมีนบุรีในกรุงเทพฯ และจังหวัดนนทบุรี โดยมีแผนขยายเข้าสู่พื้นที่บริเวณเมืองทองธานี ผู้ที่จะเดินทางมาร่วมงานที่จัดบริเวณเมืองทองธานีในอนาคตก็จะมาได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเชื่อมต่อกับสายสีเขียวที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ สายสีแดงที่สถานีหลักสี่ และสายสีม่วงที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี โดยสถานีที่เปิดให้บริการมีดังนี้ ศูนย์ราชการนนทบุรี แคราย สนามบินน้ำ สามัคคี กรมชลประทาน แยกปากเกร็ด เลี่ยงเมืองปากเกร็ด แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 ศรีรัช เมืองทองธานี แจ้งวัฒนะ 14 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ โทรคมนาคมแห่งชาติ หลักสี่ ราชภัฏพระนคร วัดพระศรีมหาธาตุ รามอินทรา 3 ลาดปลาเค้า รามอินทรา กม. 4 มัยลาภ วัชรพล รามอินทรา กม. 6 คู้บอน รามอินทรา กม. 9 วงแหวนรามอินทรา นพรัตน์ บางชัน เศรษฐบุตรบำเพ็ญ ตลาดมีนบุรี มีนบุรี 10. รถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นโครงการที่วางแผนไว้ว่าจะมี 17 สถานี โดยเริ่มจากสถานีศูนย์วัฒนธรรมไปยังสถานีแยกร่มเกล้า เชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งมีก่อสร้างเส้นทางเสร็จครบ 100% แล้ว แต่คาดว่าจะเปิดใช้บริการได้ในปี พ.ศ. 2569 โดยสถานีที่จะเปิดให้บริการมีดังนี้ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) วัดพระราม 9 รามคำแหง 12 รามคำแหง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) รามคำแหง 34 แยกลำสาลี ศรีบูรพา คลองบ้านม้า สัมมากร น้อมเกล้า ราษฎร์พัฒนา มีนพัฒนา เคหะรามคำแหง มีนบุรี แยกร่มเกล้า 11. รถไฟฟ้าสายสีฟ้า อีกหนึ่งโครงการรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รถไฟฟ้าสายสีฟ้ามีทั้งหมด 9 สถานี เริ่มจากสถานีประชาสงเคราะห์ไปยังสถานีช่องนนทรี เชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินที่สถานีมักกะสันและเพชรบุรี อีกหนึ่งเส้นทางรถไฟฟ้าที่ครอบคลุม CBD ช่วงเพลินจิต ลุมพินี และช่องนนทรี เพราะเชื่อมต่อตั้งแต่ประชาสงเคราะห์จนถึงช่องนนทรี ซึ่งตอนแรกมีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จช่วงปี พ.ศ. 2582 แต่อาจมีการเลื่อนออกไป โดยสถานีที่จะเปิดให้บริการมีดังนี้ ประชาสงเคราะห์ มิตรไมตรี ดินแดง มักกะสัน เพชรบุรี เพลินจิต ลุมพินี สวนพลู ช่องนนทรี 12. รถไฟฟ้าสายสีเทา รถไฟฟ้าสายสีเทามีการวางแผนการสร้างเบื้องต้นทั้งหมด 39 สถานี เริ่มเส้นทางจากสถานีวัชรพลไปยังสถานีท่าพระ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่วงคือ วัชรพล-ทองหล่อ พระโขนง-พระราม 3 และ พระราม 3 -ท่าพระ ซึ่งตอนแรกมีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จช่วงปี พ.ศ. 2585 แต่อาจมีการเลื่อนออกไป โดยสถานีที่จะเปิดให้บริการมีดังนี้ วัชรพล อยู่เย็น ประดิษฐ์มนูธรรม 27 ประดิษฐ์มนูธรรม 25 โยธินพัฒนา ประดิษฐ์มนูธรรม 15 สังคมสงเคราะห์ ลาดพร้าว 71 ศรีวรา ศูนย์แพทย์พัฒนา วัดพระราม 9 เพชรบุรี 47 แจ่มจันทร์ ทองหล่อ 10 ทองหล่อ พระโขนง บ้านกล้วยใต้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เกษมราษฎร์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คลองเตย งามดูพลี ลุมพินี สวนพลู ช่องนนทรี นราธิวาสฯ นางลิ้นจี่ รัชดา-นราธิวาส คลองช่องนนทรี พระราม 3 คลองภูมิ คลองด่าน สาธุประดิษฐ์ สะพานพระราม 9 เจริญราษฎร์ เจริญกรุง มไหสวรรย์ ตลาดพลู ท่าพระ อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าล่าสุด ทราบกันไปแล้วว่าเส้นทางรถไฟฟ้าแต่ละสายมีสถานีใดบ้าง ต่อมาเราจึงได้รวบรวมค่าโดยสารรถไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ โดยขอยกตัวอย่างเส้นทางที่มีผู้ใช้งานมาก 3 สายดังต่อไปนี้    ค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS ค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS มีการกำหนดราคาตามระยะทางที่เดินทาง ตั้งแต่ 15 บาท ถึง 62 บาท ในระยะเส้นทางเดินรถสายสีเขียวเข้มและสีเขียวอ่อน โดยค่าเดินทางดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมการเดินทางรถไฟฟ้าสายสีทอง สายสีเหลือง และสายสีชมพู หากเดินทางข้ามระบบจะมีค่าโดยสารเพิ่มเติม เมื่อรวมค่าเดินทางเบ็ดเสร็จค่าโดยสารจะมีอัตราสูงสุดที่ 107 บาท  นอกจากนี้ยังมีบัตรแรบบิท (Rabbit Card) ที่สามารถเติมเงินเพื่อใช้ในการเดินทางและได้รับส่วนลดเพิ่มเติมในบางกรณี โดยบัตรนี้ใช้ได้กับรถไฟฟ้า BTS และร้านค้าหลายแห่งในกรุงเทพฯ   ค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT มีการกำหนดราคาตามระยะทางที่เดินทาง ตั้งแต่ 17 บาท ถึง 45 บาท นอกจากนี้ยังมีบัตร MRT แบบเติมเงินที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น และสามารถใช้เดินทางได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องการพกเงินสด   ค่าโดยสาร Airport Rail Link ค่าโดยสาร Airport Rail Link (ARL) มีการกำหนดราคาตามระยะทางที่เดินทาง โดยมีค่าโดยสารอยู่ที่ 15 บาท ถึง 45 บาท การชำระเงินจะอยู่ในรูปแบบเงินสดและบัตรเติมเงินเท่านั้น   แนะนำ โครงการบ้าน-คอนโดน่าอยู่ เดินทางสะดวก ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า 2567 เราขอแนะนำโครงการที่พักอาศัยใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าจาก SC Asset เพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า   COBE เกษตร-ศรีปทุม COBE เกษตร-ศรีปทุม โครงการคอนโดใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีบางบัว มีการออกแบบทันสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ด้วยห้องที่มีขนาดเริ่มต้นประมาณ 23-46 ตร.ม. พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโคเวิร์คกิ้งสเปซ พื้นที่โยคะ และสวนส่วนกลาง ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการที่พักอาศัยในทำเลดี ด้วยราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท   เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส โครงการคอนโดหรู เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส ตั้งอยู่ในทำเลทองเขต New CBD มีการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย แต่ยังสามารถเข้าใกล้ธรรมชาติ โดยตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าว และสายสีน้ำเงิน สถานีพหลโยธิน มีระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6.49 ล้านบาท    เวนิว ไอดี เวสต์เกต เวนิว ไอดี เวสต์เกต โครงการบ้านใหม่ ตั้งอยู่ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีคลองบางไผ่ ช่วยให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองเป็นเรื่องง่าย โดยโครงการมีการออกแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นที่เน้นความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ขนาดพื้นที่ใช้สอยเพียงพอต่อความต้องการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการสำหรับผู้อยู่อาศัยทุกคน ราคาเริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท   บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-ศรีนครินทร์ โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-ศรีนครินทร์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพสูง ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีเขียว ช่วยให้การเดินทางไปยังใจกลางเมืองสะดวกสบาย นอกจากนี้ โครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนสาธารณะ ทำให้เหมาะสำหรับการพักอาศัยอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจตลอดเวลา ราคาเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท   เส้นทางรถไฟฟ้าอัปเดตล่าสุด ให้คุณสะดวกสบายในการเดินทาง การโดยสารด้วยรถไฟฟ้าในปัจจุบันถือว่ามีความสะดวกสบายอย่างมาก ด้วยแผนที่สถานีรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมตัวเมืองกรุงเทพฯ เกือบทั้งหมด จะเดินทางไปที่ไหนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา เพราะสามารถคำนวณล่วงหน้าได้เบื้องต้น ไม่เหมือนการเดินทางด้วยรถยนต์บนท้องถนน หลายคนจึงเลือกหาที่พักอาศัยที่อยู่ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า เพราะนอกจากจะเดินทางสะดวก ยังช่วยเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
Research and Knowledge
กู้ร่วมซื้อบ้านกับใครได้บ้าง รวมทุกเงื่อนไขที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ!Highlights การกู้ร่วมซื้อบ้าน คือการทำเรื่องกู้บ้าน โดยมีผู้กู้มากกว่าหนึ่งคน โดยนำรายได้ของผู้กู้ทุกคนมาคำนวณร่วมกัน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติวงเงินกู้ที่สูงขึ้น ผู้กู้ร่วมสามารถเป็นบุคคลที่เรามีความไว้วางใจและมีความสัมพันธ์อันดี ได้แก่ คู่สมรส พ่อแม่และลูก พี่น้อง หรือญาติสนิท เช่น ป้า น้า อา เป็นต้น ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) สามารถกู้ร่วมซื้อบ้านได้ โดยไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมาย หากมีประวัติติดบูโร โอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อจะลดลง แต่ถ้าติดบูโรเพียงเล็กน้อยและมีการชำระหนี้เป็นปกติในปัจจุบัน มีโอกาสได้รับอนุมัติสูง กู้ร่วมซื้อบ้านได้ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป แต่ไม่เกิน 3 คน ภายใต้สัญญากู้เดียวกัน  กู้ร่วมซื้อบ้าน คืออะไร?  ในปัจจุบัน การกู้ซื้อบ้านเป็นหนึ่งในเป้าหมายทางการเงินที่สำคัญสำหรับหลายคน แต่สำหรับบางคน การขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากรายได้ส่วนตัวอาจไม่เพียงพอต่อการขอสินเชื่อในวงเงินที่ต้องการ ในกรณีเช่นนี้ การกู้ร่วมซื้อบ้าน จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้กู้ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อที่สูงขึ้น แล้วการกู้ร่วมซื้อบ้าน คืออะไร?   การกู้ร่วมซื้อบ้าน คือการทำเรื่องกู้ "บ้าน" หรือ "ทาวน์โฮม" โดยมีผู้กู้มากกว่าหนึ่งคน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติวงเงินกู้ที่สูงขึ้น เนื่องจากรายได้ของผู้กู้ทุกคนจะถูกนำมาคำนวณร่วมกัน เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่รายได้ส่วนตัวไม่พอที่จะขอกู้ในวงเงินที่ต้องการ ซึ่งหมายความว่า ผู้กู้ร่วมทุกคนจะต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ร่วมกัน หากผู้กู้รายใดรายหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ ผู้กู้รายอื่น ๆ ก็ต้องรับผิดชอบส่วนที่เหลือแทน   กู้ร่วมซื้อบ้านสามารถกู้ร่วมกับใครได้บ้าง? อย่างที่ทราบกันว่าการกู้ร่วมซื้อบ้าน สามารถทำได้มากกว่าสองคนขึ้นไป เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เช่น การซื้อบ้านหลังแรกให้กับครอบครัวให้มีโอกาสเป็นไปได้ง่ายขึ้น ก่อนที่จะรู้ว่าเราสามารถกู้ร่วมกับใครได้บ้าง? มาเริ่มทำความรู้จักผู้กู้ร่วมกันก่อน    ผู้กู้ร่วมหรือผู้ซื้อร่วม คือ บุคคลที่เข้ามาร่วมเป็นผู้กู้ในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ ทำให้มีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อสูงขึ้น และสามารถกู้เงินได้ในวงเงินที่มากขึ้น โดยปกติแล้ว ผู้กู้ร่วมสามารถเป็นบุคคลที่เรามีความไว้วางใจและมีความสัมพันธ์อันดี ได้แก่ คู่สมรส : คู่รักที่จดทะเบียนสมรส หรือไม่ได้จดทะเบียนก็สามารถกู้ร่วมได้ โดยทั้งสองจะต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ร่วมกัน และยังมีโอกาสได้วงเงินสินเชื่อที่สูงขึ้นตามรายได้รวม พ่อแม่และลูก : การกู้ร่วมซื้อบ้านระหว่างพ่อแม่และลูก เป็นทางเลือกสำหรับครอบครัวที่ต้องการช่วยกันแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสการอนุมัติวงเงินสูง พี่น้อง : การกู้ร่วมซื้อบ้านระหว่างพี่น้องก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะกรณีที่ต้องการช่วยกันผ่อนชำระหนี้เพื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินร่วมกัน ญาติสนิท : ไม่ว่าจะเป็นป้า น้า อา สามารถเป็นผู้กู้ร่วมได้เช่นกัน แต่ต้องเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและมีภาระรับผิดชอบร่วมกัน เงื่อนไขและคุณสมบัติในการกู้ร่วมซื้อบ้าน เงื่อนไขในการกู้ร่วม ต้องมีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้กู้ร่วมทั้งสองฝ่าย เช่น ใบทะเบียนสมรส หรือสูติบัตร  กรณีที่แต่งงานแล้ว ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะต้องมีภาพถ่ายเพื่อเป็นการยืนยันความสัมพันธ์  กรณีที่มีบุตร ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะต้องมีหนังสือรับรองบุตรเพื่อยืนยัน ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มเติม เช่น สมุดบัญชีเงินฝาก หรือโฉนดที่ดิน ผู้กู้ร่วมทั้งสองฝ่ายต้องตกลงกันว่าจะแบ่งสัดส่วนการผ่อนชำระหนี้กันอย่างไร ผู้กู้ร่วมทั้งสองฝ่ายมีความรับผิดชอบร่วมกันในการชำระหนี้ หากผู้กู้หลักผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารสามารถเรียกเก็บหนี้จากผู้กู้ร่วมได้ คุณสมบัติผู้กู้ร่วม ทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วมต้องมีสัญชาติไทย ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีรายได้ประจำที่มั่นคงและสามารถพิสูจน์ได้ เช่น พนักงานบริษัท ข้าราชการ หรือผู้ประกอบธุรกิจที่มีฐานะมั่นคง ต้องมีประวัติที่ดี และไม่มีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ ผู้กู้ร่วมทั้งสองฝ่ายต้องมีความสัมพันธ์ที่ชัดเจน เช่น คู่สมรส บิดา มารดา บุตร หรือพี่น้อง ข้อดีของการกู้ร่วมซื้อบ้าน มีอะไรบ้าง? การกู้ร่วมซื้อบ้านเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่รัก หรือครอบครัวที่ต้องการเพิ่มกำลังซื้อ หรือแบ่งเบาภาระหนี้สิน การกู้ร่วมมีข้อดีหลายประการ ดังนี้ เพิ่มโอกาสในการอนุมัติ : ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ ทำให้โอกาสในการอนุมัติเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีรายได้รวมที่มากขึ้น แบ่งเบาภาระการชำระหนี้ : ช่วยให้สามารถแบ่งปันภาระการชำระหนี้ได้ ซึ่งทำให้แต่ละคนมีภาระน้อยลง การกู้ในวงเงินสูงขึ้น : เมื่อมีรายได้รวมที่สามารถนำมาคำนวณในการกู้ได้มากขึ้น ก็จะช่วยทำให้วงเงินกู้สูงขึ้น ช่วยปรับปรุงเครดิต : หากผู้กู้ร่วมมีเครดิตที่ดี การกู้ร่วมสามารถช่วยปรับปรุงเครดิตของผู้กู้ที่มีประวัติการเงินไม่ดีให้ดีขึ้นได้ ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน : เมื่อแบ่งค่าใช้จ่ายในการดาวน์ และการผ่อนชำระบ้านร่วมกัน จะช่วยลดภาระทางการเงิน รวมไปถึงดอกเบี้ยบ้านที่แต่ละคนต้องแบกรับ  การร่วมตัดสินใจ : การกู้ร่วมซื้อบ้านยังช่วยให้เกิดการร่วมตัดสินใจในการเลือกซื้อบ้าน ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้กู้ เสริมสภาพคล่องทางการเงิน : ด้วยการมีผู้กู้ร่วมช่วยให้การบริหารจัดการการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้มีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น ข้อควรระวังของการกู้ร่วมซื้อบ้าน มีอะไรบ้าง? การกู้ร่วมซื้อบ้านเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มกำลังซื้อหรือแบ่งเบาภาระหนี้สิน แต่ก่อนตัดสินใจกู้ซื้อบ้านร่วม ควรทำความเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสีย รวมถึงข้อควรระวังต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีข้อควรระวัง ดังนี้ ความรับผิดชอบร่วมกัน : ผู้กู้ร่วมทุกคนต้องรับผิดชอบหนี้สินร่วมกัน หากผู้กู้หลักผิดนัดชำระหนี้ ผู้กู้ร่วมจะต้องรับผิดชอบชำระหนี้ส่วนที่เหลือด้วย ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ : การกู้บ้านร่วมอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของผู้กู้ร่วม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในการผ่อนชำระหนี้ หรือมีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับบ้าน ดังนั้น ควรพูดคุยและตกลงกันให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจกู้ร่วม  การเปลี่ยนแปลงสถานะ : การเปลี่ยนแปลงสถานะของผู้กู้ร่วม เช่น การหย่าร้าง การเสียชีวิต หรือการเปลี่ยนแปลงสถานะทางการเงิน อาจส่งผลกระทบต่อการผ่อนชำระหนี้และการถือครองทรัพย์สิน การขายหรือโอนทรัพย์สิน : การขายหรือโอนทรัพย์สินที่ซื้อร่วมกัน จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้กู้ร่วมทุกคน โดยในสัญญากู้ร่วมมักระบุชัดเจนว่าการขายหรือโอนทรัพย์สินต้องได้รับความยินยอมจากทุกฝ่าย  ภาษี : สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะถูกแบ่งส่วนตามสัดส่วนการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม : อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าประกันภัย ค่าส่วนกลาง ซึ่งผู้กู้ร่วมต้องแบ่งกันรับผิดชอบ  การวางแผนทางการเงิน : ควรวางแผนการเงินร่วมกันอย่างรอบคอบ เช่น การศึกษาวิธีคิดดอกเบี้ยบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถผ่อนชำระหนี้ได้อย่างต่อเนื่อง เอกสารที่ต้องใช้สำหรับการกู้ร่วมซื้อบ้าน  การกู้ร่วมซื้อบ้านต้องมีการเตรียมเอกสารที่ครบถ้วน เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การจัดเตรียมเอกสารที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติ และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยผู้ที่ต้องการกู้ร่วมซื้อบ้านจะต้องเตรียมเอกสาร ดังนี้   เอกสารส่วนตัว บัตรประชาชน : ทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม ทะเบียนบ้าน : ทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม ทะเบียนสมรส : สำหรับคู่สมรส เอกสารแสดงสถานะทางครอบครัว : เช่น ใบหย่า ใบมรณบัตร หนังสือรับรองบุตร : ในกรณีที่มีบุตร แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส สำเนาใบเปลี่ยนแปลงชื่อ-สกุล : ในกรณีที่เคยเปลี่ยนชื่อ-สกุลมาก่อน เอกสารแสดงรายได้ กรณีอาชีพประจำ สลิปเงิน หรือหลักฐานการรับเงินเดือน ย้อนหลัง 6 เดือน หนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองสวัสดิการ Statement เงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน กรณีอาชีพอิสระ สำเนาทะเบียนการค้าหรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล Statement เงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน หลักฐานการเสียภาษีเงินได้ สำเนาใบประกอบวิชาชีพ หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่น ๆ  เอกสารสินทรัพย์ สัญญาซื้อขายบ้าน : สำเนาสัญญาซื้อขายบ้านที่แสดงถึงข้อตกลงในการซื้อ ใบอนุญาตก่อสร้าง : หากบ้านที่ซื้อเป็นบ้านใหม่ ต้องมีใบอนุญาตก่อสร้างหรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง เอกสารอื่น ๆ เช่น เอกสารที่แสดงถึงสินทรัพย์ที่มีอยู่ เช่น โฉนดที่ดิน หรือเอกสารกรรมสิทธิ์บ้าน คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกู้ร่วมซื้อบ้านที่ควรรู้ กรณีกู้ร่วมกับแฟน หากเลิกกันจะทำอย่างไร? เมื่อเราตัดสินใจกู้ร่วมซื้อบ้านกับแฟน การเลิกรามักเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่หากเกิดขึ้นในขณะที่ยังมีภาระหนี้สินจากการกู้ร่วมซื้อบ้านอยู่ จะต้องมีการตกลงกันอย่างชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยสามารถจัดการได้โดยใช้วิธีดังต่อไปนี้ ปรึกษาทนายความ : หากเกิดเหตุการณ์เลิกกัน ควรปรึกษาทนายความเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการกับสินทรัพย์ที่มีอยู่ ทำข้อตกลงก่อนการกู้ : ควรมีการทำข้อตกลงล่วงหน้าว่าหากมีการเลิกกัน จะจัดการกับบ้านและการชำระหนี้อย่างไร เช่น การแบ่งขายบ้าน หรือการโอนกรรมสิทธิ์ การรีไฟแนนซ์ : ในกรณีที่ต้องการขายบ้านหรือย้ายกรรมสิทธิ์ อาจต้องดำเนินการรีไฟแนนซ์ คือ การทำสัญญากู้ซื้อบ้านใหม่เพื่อให้เป็นชื่อผู้กู้คนเดียว การไถ่ถอน : ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลือกที่จะไถ่ถอนอีกฝ่ายหนึ่งออกจากการเป็นเจ้าของบ้าน โดยการชำระเงินส่วนที่อีกฝ่ายหนึ่งลงทุนไป การผ่อนชำระต่อ : หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังมีความสามารถในการผ่อนชำระต่อ ก็อาจเลือกที่จะผ่อนชำระต่อเพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม ก่อนการกู้ร่วมซื้อบ้านควรมีการทำสัญญาที่ชัดเจนตั้งแต่แรก เพื่อระบุสิทธิและหน้าที่ของแต่ละฝ่ายในกรณีที่เกิดปัญหา   lGBTQ กู้ร่วมซื้อบ้านได้ไหม? ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) สามารถกู้ร่วมซื้อบ้านได้ โดยไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมายใด ๆ สิ่งสำคัญ คือความน่าเชื่อถือทางการเงินและเอกสารที่ต้องใช้ เช่น รายได้และประวัติเครดิต ซึ่งไม่มีการแบ่งแยกตามเพศ หรือความเป็นเพศสภาพ หรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ โดยเงื่อนไขการกู้ร่วมเพศเดียวกันไม่แตกต่างจากการกู้ร่วมปกติ แต่ธนาคารจะพิจารณาจากคุณสมบัติผู้กู้ เช่น วงเงินกู้, รายได้, ภาระหนี้, อายุขั้นต่ำ เป็นหลัก   หากติดบูโรสามารถกู้ร่วมซื้อบ้านได้หรือไม่? การติดบูโร หมายถึงมีประวัติการชำระหนี้ล่าช้าหรือผิดนัดชำระ ซึ่งจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ หากมีประวัติติดบูโร โอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อจะลดลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกู้ร่วมซื้อบ้านไม่ได้เลย ถ้าติดบูโรเพียงเล็กน้อยและมีการชำระหนี้เป็นปกติในปัจจุบัน อาจมีโอกาสได้รับการอนุมัติสูง และในกรณีที่ผู้กู้ร่วมที่มีประวัติเครดิตดี ก็อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสูงขึ้นไปอีก   กู้ร่วมซื้อบ้านได้กี่คน? โดยปกติแล้วจะสามารถกู้ร่วมซื้อบ้านได้ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป แต่ไม่เกิน 3 คน ภายใต้สัญญากู้เดียวกัน โดยแต่ละธนาคารมีนโยบายและเกณฑ์ในการพิจารณาจำนวนผู้กู้ร่วมที่แตกต่างกัน บางธนาคารอาจอนุญาตให้กู้ร่วมได้มากกว่า 3 คน แต่ก็อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น ความสัมพันธ์ของผู้กู้ร่วม หรือความสามารถในการผ่อนชำระขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการเงิน ซึ่งมูลค่าของทรัพย์สินที่ต้องการซื้อก็มีส่วนสำคัญในการพิจารณาจำนวนผู้กู้ร่วมด้วยเช่นกัน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจกู้ร่วม ควรปรึกษาธนาคารเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อน   กู้ร่วมซื้อบ้าน เพิ่มโอกาสไปถึงเป้าหมายที่ต้องการ การกู้ร่วมซื้อบ้านนับเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมีโอกาสไปถึงเป้าหมายได้มากขึ้นอย่างไรก็ตาม การกู้ร่วมซื้อบ้าน หมายถึงผู้กู้ร่วมทุกคนจะต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ร่วมกัน หากผู้กู้รายใดรายหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ ผู้กู้รายอื่น ๆ ก็ต้องรับผิดชอบส่วนที่เหลือแทน ดังนั้นควรเลือกผู้กู้ร่วมที่ตรงตามคุณสมบัติ และเงื่อนไขของธนาคาร นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจใช้วิธีนี้ควรหมั่นศึกษาทั้งข้อดี และข้อเสียของการกู้ร่วมซื้อบ้านอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจ
Research and Knowledge
ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 สำรวจฤกษ์ดีตามปฏิทิน พร้อมข้อมูลควรรู้ก่อนสร้างบ้านใหม่Highlights ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 ที่เป็นสิริมงคล มีอยู่ในทุก ๆ เดือน ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมและความสะดวก นอกจากฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 ตามปฏิทินโหราศาสตร์แล้ว ยังมีความเชื่ออื่น ๆ เช่น ฤกษ์ยกเสาเอกบ้านที่เหมาะกับวันเกิดของเจ้าของบ้าน ของที่ต้องใช้และลำดับขั้นตอนในพิธียกเสาเอกบ้านอาจมีความแตกต่างกันในรายละเอียดขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น รู้จักพิธียกเสาเอกบ้าน เคล็ดลับการเสริมสิริมงคลตามความเชื่อไทย พิธียกเสาเอกบ้านเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำก่อนเริ่มการก่อสร้างบ้านหรืออาคาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อความเป็นสิริมงคล เสาเอกนั้นไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางวิศวกรรมในฐานะโครงสร้างหลักที่รับน้ำหนักของบ้าน แต่ยังมีนัยทางความเชื่อว่าเป็นหลักค้ำจุนชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้อาศัย   การเลือกฤกษ์ลงเสาเอกบ้าน 2567 จึงเป็นเหมือนการวางรากฐานแห่งความสุขและความราบรื่นให้กับทั้งกระบวนการก่อสร้าง การขึ้นบ้านใหม่และการอยู่อาศัยในอนาคต   ความสำคัญของฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน ทำไมถึงต้องดูฤกษ์ก่อนทำพิธี การดูฤกษ์ตั้งเสาเอก 2567 เป็นธรรมเนียมที่หลายคนเชื่อว่าการเลือกวันเวลาที่เหมาะสมจะส่งผลดีต่อความมั่นคงของบ้านและความเป็นอยู่ของผู้อาศัย โดยช่วยเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล ป้องกันอุปสรรค และส่งเสริมความสำเร็จในชีวิต   นอกจากนี้ พิธีดังกล่าวยังเป็นโอกาสให้ครอบครัวและคนสนิทได้มารวมตัวกัน สร้างความสามัคคีและความผูกพัน ซึ่งเป็นเหมือนของขวัญขึ้นบ้านใหม่ที่มีคุณค่าทางจิตใจ แม้ในยุคปัจจุบันที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า แต่การดูฤกษ์สร้างบ้าน 2567 ก็ยังมีความสำคัญต่อการสร้างความมั่นใจและกำลังใจให้แก่เจ้าของบ้าน ทำให้รู้สึกพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านหลังใหม่อย่างมีความสุข   ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 มีอะไรบ้าง สร้างบ้านเดือนไหนดี เช็กเลย! ในปีนี้หลายครอบครัวอาจกำลังวางแผนสร้างบ้านใหม่ ทาวน์โฮมใหม่ และมองหาฤกษ์ดีปลูกบ้านปี 2567 โดยในหัวข้อนี้จะนำเสนอข้อมูลว่าลงเสาเอกวันไหนดี 2567 ตามปฏิทินในแต่ละเดือน เพื่อให้ใครที่กำลังวางแผนสร้างบ้านสามารถเลือกวันที่เหมาะสมได้อย่างมั่นใจและเริ่มต้นการสร้างบ้านด้วยความเป็นมงคล   ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน มกราคม 2567 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567 วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2567 วันพุธที่ 31 มกราคม 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน กุมภาพันธ์ 2567 วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน มีนาคม 2567 วันพุธที่ 6 มีนาคม 2567 วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2567 วันพุธที่ 13 มีนาคม 2567 วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2567 วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน เมษายน 2567 วันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2567 วันพุธที่ 3 เมษายน 2567 วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน 2567 วันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2567 วันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 วันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2567 วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2567 วันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน พฤษภาคม 2567 วันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2567 วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2567 วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2567 วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2567 วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2567 วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน มิถุนายน 2567 วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2567 วันพุธที่ 5 มิถุนายน 2567 วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2567 วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2567 วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2567 วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน กรกฎาคม 2567 วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม 2567 วันพุธที่ 3 กรกฎาคม 2567 วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2567 วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2567 วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน สิงหาคม 2567 วันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567 วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2567 วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม 2567 วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2567 วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2567 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน กันยายน 2567 วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2567 วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน 2567 วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2567 วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567 วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 วันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2567 วันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน ตุลาคม 2567 วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2567 วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2567 วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2567 วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567 วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2567 วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน พฤศจิกายน 2567 วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2567 วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2567 วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน ธันวาคม 2567 วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม 2567 วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2567 วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม 2567 วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567 วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2567 วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2567 ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 ตามวันเกิด  การเลือกฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 นั้น นอกจากจะพิจารณาจากปฏิทินโหราศาสตร์แล้วยังสามารถเลือกตามวันเกิดของเจ้าของบ้านได้อีกด้วย ซึ่งแนวคิดนี้มาจากความเชื่อที่ว่าแต่ละวันเกิดมีดวงดาวประจำวันและมีความสัมพันธ์กับวันอื่น ๆ โดยมีแนวทางดังนี้ ผู้เกิดวันอาทิตย์ : ควรหลีกเลี่ยงการยกเสาเอกในวันอังคารและวันศุกร์ ผู้เกิดวันจันทร์ : ไม่แนะนำให้ทำพิธียกเสาเอกในวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ ผู้เกิดวันอังคาร : พึงระวังการจัดพิธีในคืนวันพุธ ผู้เกิดวันพุธ : ควรงดเว้นการยกเสาเอกในวันพฤหัสบดีและช่วงกลางวันของวันพุธ ผู้เกิดวันพฤหัสบดี : ไม่ควรเลือกวันเสาร์สำหรับพิธียกเสาเอก ผู้เกิดวันศุกร์ : ควรหลีกเลี่ยงคืนวันพุธและวันเสาร์ ผู้เกิดวันเสาร์ : วันห้ามยกเสาเอกคือช่วงกลางวันของวันพุธและวันศุกร์ พิธียกเสาเอกบ้านต้องใช้อะไรบ้าง?  เมื่อได้ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 แล้ว การเตรียมอุปกรณ์สำหรับพิธีก็เป็นอีกขั้นตอนที่เต็มไปด้วยรายละเอียด โดยมีรายการสิ่งของที่ใช้หลัก ๆ ดังนี้ โต๊ะหมู่บูชาพร้อมพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชุดเครื่องสักการะ เช่น ธูป เทียน ดอกไม้ พานข้าวตอกดอกไม้ ภาชนะใส่น้ำมนต์ เหรียญและแผ่นโลหะมีค่า (เงินและทอง) พืชมงคล เช่น อ้อยและกล้วย วัสดุเสริมมงคล เช่น แป้งหรือทรายที่ผ่านการเสกแล้ว ผ้าสีมงคลและพวงมาลัย ขั้นตอนในการทำพิธียกเสาเอกบ้าน  พิธียกเสาเอกบ้านมีขั้นตอนอาจแตกต่างกันไปตามความเชื่อและท้องถิ่น แต่โดยทั่วไปมักประกอบด้วยขั้นตอนหลักดังต่อไปนี้ เลือกฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 และเตรียมพื้นที่ : กำหนดวันเวลาตามหลักโหราศาสตร์ และเตรียมพื้นที่ก่อสร้างให้พร้อม จัดเตรียมอุปกรณ์และเครื่องสักการะ : รวบรวมสิ่งของมงคล เช่น ผ้าสี พืชมงคล เหรียญ และเครื่องบูชาต่าง ๆ  ตกแต่งเสาเอกและวางสายสิญจน์ : ผูกผ้าและพืชมงคลกับเสาเอก พร้อมวางสายสิญจน์จากโต๊ะหมู่บูชาไปยังเสาเอก  ประกอบพิธีกรรม : เริ่มด้วยการบูชา ตามด้วยการวางของมงคลในหลุมเสาเอกและพรมน้ำมนต์  ยกเสาเอกและอวยพร : ผู้ร่วมพิธีช่วยกันยกเสาเอก โปรยข้าวตอกดอกไม้และพรมน้ำมนต์รอบบริเวณก่อสร้าง คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567  แม้การยกเสาเอกและการสร้างบ้านใหม่จะเป็นประเพณีเก่าแก่ แต่ก็มักมีคำถามและข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับเรื่องฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 โดยในหัวข้อนี้จะรวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าใจและเตรียมตัวสำหรับพิธีสำคัญนี้ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น   ฤกษ์ยกเสาเอกในแต่ละปีต่างกันหรือไม่? ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 และปีอื่น ๆ มีความแตกต่างกัน เนื่องจากการคำนวณฤกษ์ยามตามหลักโหราศาสตร์ไทยนั้นพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ตำแหน่งดวงดาว ฤดูกาล และปฏิทินจันทรคติ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงวันเกิดของเจ้าของบ้านและปัจจัยเฉพาะบุคคลอื่น ๆ ประกอบด้วย   จะหาฤกษ์ยกเสาเอกได้จากไหนบ้าง? ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 สามารถหาได้จากหลายแหล่ง โดยทั่วไปนิยมปรึกษาโหรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ไทยโดยตรง เพื่อให้ได้ฤกษ์ที่เหมาะสมกับวันเดือนปีเกิดของเจ้าของบ้าน นอกจากนี้ ยังสามารถค้นหาจากปฏิทินโหราศาสตร์ประจำปีที่มีการระบุฤกษ์มงคลต่าง ๆ   ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 เคล็ดลับเริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านหลังใหม่อย่างมีความสุข ฤกษ์ยกเสาเอกบ้าน 2567 เป็นการสืบสานประเพณีทรงคุณค่าที่สะท้อนถึงความเชื่อของบรรพบุรุษไทย แม้ว่าในยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่การปฏิบัติตามความเชื่อนี้ยังคงมีความสำคัญทางจิตใจ การได้เริ่มต้นสร้างบ้านในวันเวลาที่เชื่อว่าเป็นมงคลนั้นจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและกำลังใจให้แก่เจ้าของบ้าน ทำให้รู้สึกสบายใจและมีความหวังในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีความสุข
Inspiration
แบบบ้านสองชั้น แบบบ้านน่าอยู่พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์Highlights การเลือกแบบบ้านสองชั้นให้เหมาะกับการใช้งาน ควรพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ของคนในบ้าน พื้นที่ใช้สอยประกอบกับสไตล์บ้านที่ชอบ เพื่อให้ได้บ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากที่สุด ครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นผู้สูงอายุ ควรออกแบบบ้านสองชั้นที่มีห้องนอนหรือห้องอเนกประสงค์อยู่ชั้นล่างด้วย แบบบ้านสองชั้นควรมีพื้นที่บ้านขนาดใหญ่พอสมควร เพื่อไม่ทำให้บ้านดูอึดอัดคับแคบ แบบบ้านสองชั้น คืออะไร? หาคำตอบได้ที่นี่ แบบบ้านสองชั้น คือ แบบบ้านที่เชื่อมต่อชั้นบนและล่างด้วยบันได โดยพื้นที่บริเวณชั้นบนและชั้นล่างจะมีอัตราส่วนเท่ากัน แบบบ้าน 2 ชั้นเป็นแบบบ้านที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถออกแบบได้หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นแบบโมเดิร์น ลอฟท์ หรือคลาสสิก และด้วยอัตราส่วนของบ้านที่พอดีจึงสามารถแบ่งสัดส่วนการใช้งานได้อย่างชัดเจน เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยของคนทุกวัย   สำหรับใครที่กำลังจะซื้อบ้านหลังแรกแต่ยังไม่มีแบบบ้านในใจ บทความนี้ก็ได้รวบรวมแบบบ้านสองชั้นมาให้ได้ลองเลือกกัน จะมีบ้านแบบไหนบ้างไปติดตามกันได้เลย   รวม 10 แบบบ้านสองชั้นหลากหลายสไตล์ พร้อมรองรับการอยู่อาศัยของคนทุกช่วงวัย ปัจจุบันแบบบ้านสองชั้นมีหลากหลายสไตล์ หลากหลายฟังก์ชัน แต่การเลือกแบบบ้านให้เหมาะกับตนเองนั้นจะต้องพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ของคนในบ้าน พื้นที่ใช้สอยประกอบกับสไตล์บ้านที่ชอบ เพื่อให้ได้บ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนในบ้านมากที่สุด   แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าแบบบ้านสองชั้นแบบไหนเหมาะกับการอยู่อาศัยของตัวเองที่สุด ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป มาดูกันว่า 10 แบบบ้านสองชั้นยอดนิยมต่อไปนี้ จะมีแบบไหนน่าสนใจ ให้ทุกคนได้ลองนำไอเดียไปปรับใช้กันบ้าง   1. เพฟ มอเตอร์เวย์-ฉะเชิงเทรา (Pave Motorway-Chachoengsao) เพฟ มอเตอร์เวย์-ฉะเชิงเทรา โครงการบ้านโมเดิร์นเดินทางสะดวกด้วยทำเลที่อยู่ใกล้ทางด่วนถึง 2 สายคือ ทางด่วนมอร์เตอร์เวย์–ชลบุรี และทางด่วนบูรพาวิถี กรุงเทพ–ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ตัวโครงการยังตอบโจทย์การใช้ของคนทุกกลุ่มเพราะมีแบบบ้านสองชั้นให้เลือกมากถึง 6 แบบ  สไตล์แบบบ้าน : แบบบ้านสไตล์โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด :145-190 ตร.ม. จำนวนห้องภายในบ้าน : 3-4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 2. วี คอมพาวด์ บางนา (V Compound Bangna) วี คอมพาวด์ บางนา แบบบ้านสองชั้นสไตล์ลอฟท์ที่มาพร้อมการออกแบบแปลนบ้าน 2 ชั้น ให้ทุกพื้นที่ในบ้านมีฟังก์ชันการใช้งานที่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิต โดยแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้นของโครงการวี คอมพาวด์ บางนา นอกจากจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตในบ้านแล้ว ก็ยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตนอกบ้านด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่รายล้อมตัวโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโฮมโปร ศรีนครินทร์, โลตัส ศรีนครินทร์, เซ็นทรัลพลาซ่า บางนา, โรงเรียนนวมินทราชูทิศ หรือโรงพยาบาลบางบ่อ เป็นต้น สไตล์แบบบ้าน : แบบบ้านสไตล์ลอฟท์ พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด :117-147 ตร.ม. จำนวนห้องภายในบ้าน : 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 3. วี คอมพาวด์ ติวานนท์ รังสิต เน็กซ์ (V Compound Tiwanon-Rangsit Next) วี คอมพาวด์ ติวานนท์ รังสิต เน็กซ์ โครงการบ้านแฝดและทาวน์โฮม 2 ชั้นให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายตาด้วยบ้านสี Earth Tone ที่มาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อาทิ ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, ห้องซาวน่า, สวนส่วนกลาง, โคเวิร์คกิ้งสเปซ รวมไปถึงลู่วิ่งที่มีอยู่รอบโครงการ  สไตล์แบบบ้าน : แบบบ้านสไตล์โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด : 110-159 ตร.ม. จำนวนห้องภายในบ้าน : 3-4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 4. เพฟ เพชรเกษม–สาย 4 (Pave Petchkasem-Sai 4) เพฟ เพชรเกษม–สาย 4 โครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 2 ชั้น ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่งมาจากหลังคาเรือนกระจก Louvre Museum สถาปัตยกรรมชื่อดังของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งให้ความรู้สึกทันสมัยและแฝงไปด้วยความหรูหราในเวลาเดียวกัน  สไตล์แบบบ้าน : แบบบ้านสไตล์ Modern Iconic พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด :153-229 ตร.ม.  จำนวนห้องภายในบ้าน : 3-5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 5. บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า (Bangkok Boulevard Ratchaphruek-Pinklao)  บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า แบบบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์น โดดเด่นด้านความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตที่น้อยเพียง 77 หลัง โดยโครงการบางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า เป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่นอกจากจะได้ความเป็นส่วนตัวแล้ว ตัวแบบบ้านสองชั้นของโครงการยังได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่งมาจากพิพิธภัณฑ์ Tate Modern พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยใน London ดังนั้นภายในโครงการจึงให้ความรู้ผ่อนคลายเหมือนกำลังพักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สงบสุข สไตล์แบบบ้าน : แบบบ้านสไตล์โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด : 237-412 ตร.ม. จำนวนห้องภายในบ้าน : 4-5 ห้องนอน 4-5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 6. เวนิว ไอดี มอเตอร์เวย์–พระราม 9 (Venue ID Motorway-Rama9) เวนิว ไอดี มอเตอร์เวย์–พระราม 9 แบบบ้านโมเดิร์น 2 ชั้น หน้ากว้างที่โดดเด่นด้วยการจัดวางฟังก์ชันภายในบ้านให้กว้าง สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบันได้จริง ซึ่งนอกจากแบบบ้านสองชั้นของโครงการจะโดดเด่นด้านการจัดวางฟังก์ชันภายในบ้านแล้ว ภายในโครงการยังมีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ถึง 2 ไร่ ไว้รองรับการทำกิจกรรมของลูกบ้านอีกด้วย สไตล์แบบบ้าน : แบบบ้านสไตล์โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด :193-313 ตร.ม. จำนวนห้องภายในบ้าน : 3-5 ห้องนอน 4-5 ห้องน้ำ 2-3 ที่จอดรถ 7. บางกอก บูเลอวาร์ด เวสต์เกต สเตชั่น (Bangkok Boulevard Westgate Station) บางกอก บูเลอวาร์ด เวสต์เกต สเตชั่น แบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์ Modern Luxury Nordic บนที่ดิน 16 ไร่ แต่มีจำนวนยูนิตน้อยเพียง 51 หลัง ภายในบ้านจะถูกออกแบบด้วยหลัก Universal Design ที่มีห้องนอนชั้นล่างและ Stepless Bathroom ไว้รองรับการใช้งานของผู้สูงวัย ทำให้โครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด เวสต์เกต สเตชั่น เป็นบ้านแบบใหม่สไตล์โมเดิร์นที่สามารถรองรับการอยู่อาศัยของคนได้ทุกวัย สไตล์แบบบ้าน : แบบบ้านสไตล์ Modern Luxury Nordic พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด : 230-418 ตร.ม. จำนวนห้องภายในบ้าน : 3-4 ห้องนอน 4-5 ห้องน้ำ 2-4 ที่จอดรถ 8. เวนิว ไอดี ราชพฤกษ์-345 (Venue I-D Ratchaphruek-345) เวนิว ไอดี ราชพฤกษ์-345 แบบบ้านสองชั้นสไตล์ Modern Simplicity ที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างถนนราชพฤกษ์ ใกล้กับทางหลวงหมายเลข 345 ซึ่งเชื่อมต่อได้ทั้งถนนชัยพฤกษ์และถนนกาญจนาภิเษกฯ ทำให้เดินทางเข้าเมืองได้อย่างสะดวก โดยบ้านในโครงการ เวนิว ไอดี ราชพฤกษ์-345 จะเป็นแบบบ้านสองชั้นทันสมัยที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ต สไตล์แบบบ้าน : แบบบ้านสไตล์ Modern Luxury Nordic พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด :175-296 ตร.ม. จำนวนห้องภายในบ้าน : 3-5 ห้องนอน 3-4 ห้องน้ำ 2-3 ที่จอดรถ 9. แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด กรุงเทพกรีฑา (Grand Bangkok Boulevard Krungthepkritha) แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด กรุงเทพกรีฑา คฤหาสน์สุดหรูสไตล์ Modern Classicที่เป็นบ้านในฝันของใครหลายคน แม้ว่าบ้านของโครงการจะเป็นแบบบ้านสองชั้น แต่ก็มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ถึง 604 ตร.ม.   และนอกจากพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางแล้ว ภายในบ้านยังเพิ่มความหรูหราขั้นสุดด้วยโถง Double Volume พร้อมบันไดวน Spiral Staircase ที่จะทำให้บ้านในโครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด กรุงเทพกรีฑา เป็นบ้าน 2 ชั้นสวย ๆ หรู ๆ มีความอลังการและมีเอกลักษณ์แบบไม่ซ้ำใคร สไตล์แบบบ้าน : แบบบ้านสไตล์ Modern Classic พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด :447-604 ตร.ม.  จำนวนห้องภายในบ้าน : 4-5 ห้องนอน 5-6 ห้องน้ำ 3-5 ที่จอดรถ 10. เพฟ บางนา (PAVE Bangna) เพฟ บางนา แบบบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์นที่ออกแบบบ้านให้มีความโปร่งโล่งและเป็นสัดส่วน จึงเหมาะกับการพักอาศัยของคนทุกเจนเนอเรชั่น โดยโครงการเพฟ บางนา มีแปลนบ้านสองชั้นให้เลือกทั้งหมด 4 รูปแบบ ซึ่งบ้านขนาดใหญ่ที่สุดจะมีห้องนอนอยู่บริเวณชั้นล่าง เหมาะสำหรับการใช้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุ หรือใครจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์ก็ได้เช่นกัน สไตล์แบบบ้าน : แบบบ้านสไตล์โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด :171-224 ตร.ม จำนวนห้องภายในบ้าน : 3-5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ สรุปแบบบ้านสองชั้น เลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์การใช้งาน การเลือกแบบบ้านสองชั้นให้เหมาะสมกับการใช้งานของสมาชิกในบ้านนั้น ควรต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการเลือกจากไลฟ์สไตล์และอายุของสมาชิกในบ้าน โดยหากมีสมาชิกในบ้านเป็นผู้สูงอายุ ก็ควรเลือกแปลนบ้านสองชั้นที่มีห้องนอนหรือห้องอเนกประสงค์อยู่บริเวณชั้นล่างของบ้าน เพื่อให้สะดวกและปลอดภัยต่อการใช้งาน   หรือถ้าหากสมาชิกในบ้านมีไลฟ์สไตล์รักสุขภาพชอบออกกำลังกาย ก็ควรเลือกบ้านในโครงที่มีสระว่ายน้ำ รวมไปถึงพื้นที่ออกกำลังกายอื่น ๆ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าแบบบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในบ้านนั้นมีความสำคัญไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ ในการเลือกบ้านเลย
Inspiration