รวมทุกเรื่องราวน่าสนใจ

SC Asset ผนึกพันธมิตรและจิตอาสาลงพื้นที่ จังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ ส่งต่อความห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วมSC Asset ผนึกพันธมิตรและจิตอาสาลงพื้นที่ จังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ ส่งต่อความห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วม   จากสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ ที่เผชิญอุทกภัยน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 80 ปี ทำให้ภาครัฐ และ ภาคเอกชน ต่างให้ความช่วยเหลือคนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดย SC Asset ผู้นำอสังหาคุณภาพ และ มีนวัตกรรม จึงไม่สามารถเพิกเฉยได้ ในภาวะยากลำบากเช่นนี้    SC Asset จึงเดินหน้าส่งต่อความห่วงใย ช่วยเหลือ และ แบ่งเบาภาระ ด้วยการผนึกกำลังกับบริษัทคู่ค้า พันมิตรทางธุรกิจ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิเส้นด้าย มูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพฯ พร้อมด้วย พนักงานบริษัทในเครือ ระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มที่และสุดกำลัง ร่วมบริจาคเงิน สิ่งของอุปโภค-บริโภค รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง พร้อมส่งทีมจิตอาสา #SCอาสา ลงพื้นที่ ฟื้นฟู ซ่อมแซม ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยชาวเชียงราย-เชียงใหม่ ด้วยเชื่อมั่นว่าพลังของการช่วยเหลือ และ การเป็นกำลังใจให้กันในยามยากลำบาก จะช่วยบรรเทาความทุกข์ใจ ให้ก้าวข้ามเหตุการณ์ครั้งนี้ไปโดยเร็ว   เริ่มต้นด้วย การบริจาค ‘ถุงน้ำใจ’ จำนวน 1,000 ชุด ผ่านโครงการ 'ประสานพลัง ประสานใจ' กับท่านนายกรัฐมนตรี ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และ ร่วมรับฟังปัญหาความเดือดร้อน นำโดยคุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณสุดารัตน์ เจริญเกตุมงคล หัวหน้าสายงานความยั่งยืน บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น โดย 'ถุงน้ำใจ' จำนวน 1,000 ชุด ประกอบไปด้วยของอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบอุทกภัยอีกหลายส่วนในประเทศไทย ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล    พร้อมทั้ง บริจาคเนื้อไก่สด จำนวน 5,000 กิโลกรัม แก่มูลนิธิเพชรเกษม กรุงเทพฯ เพื่อประกอบอาหารให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม รวมทั้งหน่วยงานเอกชน และทีมงานจิตอาสาในพื้นที่จังหวัดเชียงรายระหว่างช่วงทำภารกิจฟื้นฟูบ้านเรือน รวมถึงสถานที่สำคัญที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ โดยมูลนิธิเพชรเกษมได้จัดตั้งโรงครัวกลาง เป็นจุดทำประกอบอาหาร และแจกจ่ายข้าวกล่อง เมนูจากเนื้อไก่ เพื่อรองรับทุกครอบครัว ณ บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ ยังปันน้ำใจมอบเงิน จำนวน 230,000 บาท จากการระดมทุนร่วมกับ คู่ค้า พาร์ทเนอร์ และพนักงานบริษัทในเครือ ผ่านมูลนิธิเส้นด้าย (Zendai Foundation) เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบอุทกภัย จังหวัดเชียงราย พร้อมบริจาคอุปกรณ์ทำความสะอาดจำนวน 700 ชุด อาทิ พลั่ว จอบ ไม้กวาด ไม้รีดที่แข็งแรง อุปกรณ์สำหรับขัด ถังน้ำ ฯลฯ และส่งทีมพนักงานบริษัทในเครือ เร่งกำลังคัดแยกของบริจาคพร้อมช่วยลำเลียงสิ่งของขึ้นรถบรรทุกมุ่งสู่จังหวัดเชียงราย เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมในภาคเหนือ ณ โกดังมูลนิธิกระจกเงา   ตลอดจน รวมพลังกับพาร์ทเนอร์คนสำคัญทางธุรกิจ กว่า 100 ราย และพนักงานบริษัทในเครือ ร่วมสมทบทุนและบริจาควัสดุ-อุปกรณ์ที่จำเป็นในการซ่อมแซมบ้าน อาทิ กระเบื้อง ประตู สีทาบ้าน ถังเก็บน้ำ สุขภัณฑ์ ฯลฯ ในการทำภารกิจ “ฟื้นฟู-ซ่อมแซม-สร้างใหม่” ที่พักอาศัยให้คืนสู่สภาพปลอดภัย ให้ใช้งานได้ตามปกติ     โดยล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม SC ส่งทีม #SCอาสา และทีมอาสาสมัครภายใต้มูลนิธิกระจกเงา ช่วยกันลำเลียงสิ่งของบริจาคจากโกดังจัดเก็บสินค้าของ SC สู่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พร้อมลงพื้นที่ทำภารกิจ พบปะผู้ประสบอุทกภัยเพื่อสำรวจความต้องการจริง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ทุพพลภาพ และผู้ป่วย ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนให้มีที่พักพิงอาศัยอย่างเหมาะสม และร่วมแรงร่วมใจทำภารกิจฟื้นฟูสถานที่ ล้างดินโคลนที่ทับถม และแทรกอยู่ในทุกอนูของบ้าน เพื่อเตรียมสำหรับการซ่อมแซมในส่วนที่ชำรุดจนไม่สามารถใช้งานได้    คุณสุดารัตน์ เจริญเกตุมงคล หัวหน้าสายงานความยั่งยืน ได้กล่าวว่า “ในการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมช่วงของการฟื้นฟูครั้งนี้ เราได้สื่อสารกับทุกภาคส่วน ทั้งมูลนิธิ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งต่อความห่วงใย ให้ถึงมือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน นอกจากการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ ในอนาคต SC Asset จะใช้ความสามารถและความเชี่ยวชาญด้านการเป็นผู้นำอสังหาฯ ดูแลเรื่อง Smart Living โดยไม่ได้จำกัดภูมิภาคในประเทศไทย ด้วยพันธกิจด้านของการสร้างเช้าวันใหม่ที่ดี for good mornings ของเอสซีฯ”   คุณพิษณุ เดชสง หัวหน้าสายงานต้นทุนและนวัตกรรมการก่อสร้าง กล่าวเสริมว่า “เอสซี แอสเสท เรามีความต้องการช่วยเหลือสังคมเมื่อเกิดปัญหา อย่างเช่น เหตุการณ์ภัยพิบัติ ด้วยการที่เรามีพาร์ทเนอร์ และภาคีเครือข่ายที่ดี ทำให้เราสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่ ซึ่งไม่ใช่แค่การรับบริจาคกำลังทรัพย์หรือสิ่งของ แต่เราพร้อมที่จะลงพื้นที่ไป ไปช่วยเหลือ ส่งต่อกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นเหตุการณ์ต่างๆไปด้วยกัน”   นอกจากนี้ คุณโฉมชฎา กุลดิลก หัวหน้าสายงานกลยุทธ์แบรนด์องค์กร ได้กล่าวเสริมอีกว่า “แบรนด์และสังคมต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่มีแบรนด์ใดในโลกจะเติบโตได้ ถ้าสังคมหยุดชะงัก การที่แบรนด์ SC ได้ลงไปพื้นที่จริง ไปช่วยเหลือกลุ่มคนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมทั้งจังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา และอาสาสมัครจากหลายส่วนในครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นสังคมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำใจอย่างแท้จริง ซึ่งในอนาคต SC มีแผนที่จะดูแลสังคมทั้งใกล้และไกลไปด้วยกัน เพราะ SC อยากเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมที่ดี และเติบโตอย่างงดงาม”   SC Asset ขอเป็นอีกหนึ่งพลังใจ เพื่อสร้างกำลังใจให้ทุกครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อนก้าวผ่านสถานการณ์ครั้งนี้ไปโดยเร็ว    #SCAsset #SCอาสา #SCไม่ทิ้งกัน #น้ำท่วม2567
Corporate
ทำความรู้จักโฉนดที่ดิน มีกี่ประเภท สำคัญกับการซื้อ-ขายที่ดินอย่างไรการครอบครองที่ดินอย่างถูกกฎหมายนั้นต้องมีสิ่งที่เรียกว่าโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นเอกสารที่แสดงถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนนั้น ๆ อย่างถูกต้องสมบูรณ์ โฉนดที่ดินมีความสำคัญในทางกฎหมาย และเป็นเหมือนหลักฐานในการเป็นเจ้าของที่ดินอย่างแท้จริง บทความนี้ SC Asset ขอชวนทุกท่านมารู้จักว่าโฉนดที่ดินคืออะไร มีกี่ประเภท มีความสำคัญอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่มีที่ดินในครอบครองหรือต้องการจะซื้อขายที่ดิน   Highlights โฉนดที่ดินคือเอกสารที่ออกให้โดยกรมที่ดินเพื่อรับรองความเป็นเจ้าของในที่ดินรวมถึงบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่ปรากฏอยู่ในขอบเขตของที่ดินตามที่ระบุในเอกสาร โฉนดครุฑแดง คือโฉนดที่เจ้าของมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนั้นอย่างสมบูรณ์ สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ระบุในโฉนดได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โฉนดครุฑเขียว สามารถซื้อขาย โอน หรือจำนองธนาคารได้ แต่ผู้ซื้อจะยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินจนกว่าจะไปยื่นเรื่องขอเปลี่ยนเป็นโฉนดครุฑแดง โฉนดครุฑดำไม่สามารถซื้อขาย โอน หรือจำนองธนาคารได้ จนกว่าจะมีการรังวัดที่ดิน และรอประกาศจากทางราชการ 30 วัน โฉนดที่ดินคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร โฉนดที่ดินคือเอกสารที่ออกโดยกรมที่ดินเพื่อรับรองความเป็นเจ้าของในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่ในเขตที่ดินตามที่ระบุในเอกสาร โดยบนใบโฉนดที่ดินจะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินแปลงนั้น ๆ ไว้อย่างชัดเจน เช่น ขนาดพื้นที่ ตำแหน่งที่ตั้ง และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ ซึ่งมีผลทางกฎหมายอย่างเป็นทางการ และสามารถใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของที่ดินและผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้   โฉนดที่ดินเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ยืนยันสิทธิ์ในการครอบครองและการจัดการที่ดิน เช่น การซื้อขาย การโอนกรรมสิทธิ์ หรือใช้จดจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันทางการเงิน ผู้ที่มีโฉนดที่ดินจะถือว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามที่ระบุไว้ในเอกสาร และมีอำนาจในการใช้ประโยชน์จากที่ดินตามที่ระบุในโฉนดนั้นได้ตามกฎหมาย   ประเภทของโฉนดที่ดินและเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดิน มีอะไรบ้าง ประเภทของโฉนดที่ดินสามารถแบ่งได้ตามสีของตราครุฑที่ดินบนโฉนด ส่วนเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดินแม้จะไม่ใช่โฉนดที่ดินโดยสมบูรณ์แต่ก็สามารถใช้รับรองการทำประโยชน์ในที่ดินได้ตามที่ราชการกำหนด มาดูกันว่าโฉนดที่ดินมีกี่แบบ แต่ละประเภทมีรายละเอียดอย่างไร   โฉนดที่ดิน น.ส.4 (ครุฑสีแดง) โฉนดที่ดิน น.ส.4 หรือ โฉนดครุฑแดง คือโฉนดที่ดินที่ผู้ครอบครองมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนนั้นอย่างสมบูรณ์ สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ระบุในโฉนดได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่น การซื้อขาย การโอน การจดจำนอง หรือใช้เป็นหลักทรัพย์ในการกู้เงิน โฉนดที่ดิน น.ส.4 จะมีอักษรไทยกำกับต่อท้าย ซึ่งหมายถึงความเก่าของโฉนดฉบับนั้น ๆ เรียงตามลำดับตัวอักษร โดยโฉนด น.ส.4 จ. คือรหัสเอกสารที่ใช้ปัจจุบัน   โฉนดที่ดิน น.ส.4 เป็นโฉนดที่นิยมในการซื้อขายมากที่สุด และมีมูลค่าสูงที่สุดในบรรดาโฉนดที่ดินทุกประเภท เนื่องจากเป็นเอกสารที่แสดงถึงการเป็นเจ้าที่ดินอย่างถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมาย หากมีการซื้อขายที่ดินขึ้น ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่รับผิดชอบต่อหน้าเจ้าหน้าที่ พร้อมชำระค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ให้ครบตามกฎหมาย จึงจะถือเป็นการซื้อขายที่ดินอย่างสมบูรณ์    โฉนดที่ดิน น.ส.3 ก. (ครุฑสีเขียว) โฉนดที่ดิน น.ส.3 ก. หรือ โฉนดครุฑเขียว คือเอกสารสิทธิ์ที่รับรองว่าเจ้าของสามารถทำประโยชน์ในที่ดินผืนนั้นได้ แต่ยังไม่ใช่โฉนดที่ดินจริง ๆ และยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในการครอบครองตามกฎหมาย โฉนดที่ดินประเภทนี้จะมีการทำระวางรูปถ่ายทางอากาศ ต้องมีการรังวัด และจัดทำแผนที่โดยทางราชการแล้วเท่านั้น สามารถซื้อขาย โอน หรือการจำนองที่ดินได้ แต่ผู้ซื้อจะยังไม่มีกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดินจนกว่าจะไปยื่นเรื่องขอเปลี่ยนเป็นโฉนด น.ส.4   สำหรับการยื่นเรื่องเปลี่ยน น.ส.3 ก. เป็นโฉนด น.ส.4 จะไม่มีค่าใช้จ่าย เจ้าของโฉนดสามารถนำหลักฐานไปขอออกโฉนด น.ส.4 ได้ที่สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่รับผิดชอบโดยไม่ต้องรอรังวัดติดประกาศ 30 วัน เจ้าหน้าที่จะทำการออกโฉนดที่ดินตามชื่อที่ปรากฏใน น.ส.3 ก. เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะประกาศกำหนดวันแจกโฉนด น.ส.4 ซึ่งจะมีผลให้ น.ส.3 ก. ถูกยกเลิกทันที   โฉนดที่ดิน น.ส.3 และ น.ส.3 ข. (ครุฑสีดำ) โฉนดที่ดิน น.ส.3 และ น.ส.3 ข. หรือ โฉนดครุฑดำ คือเอกสารสิทธิ์ที่ทางราชการออกให้แก่ผู้ครอบครองที่ดินทั่วไป มีลักษณะเป็นแผนที่รูปลอย ๆ ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ ไม่มีการกำหนดตำแหน่งที่ดินที่แน่นอน โฉนดประเภทนี้ขาดความถูกต้องของขอบเขตที่ดิน สามารถใช้รับรองการทำประโยชน์ในที่ดินได้แต่เจ้าของโฉนดจะยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินอย่างสมบูรณ์ ทำให้ไม่สามารถซื้อขาย โอน หรือจดจำนองธนาคารได้ จนกว่าจะมีการรังวัดที่ดิน และรอประกาศจากทางราชการ 30 วัน ผู้ที่มีโฉนด น.ส.3 ข. สามารถนำไปขอออกโฉนด น.ส.4 ได้ที่สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการรังวัดและติดประกาศ 30 วัน หากไม่มีการคัดค้านในเขตพื้นที่ก็สามารถออกโฉนดครุฑแดงให้ได้ หลังจากนั้นเจ้าของโฉนดก็จะสามารถซื้อขาย โอน หรือจดจำนองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย   ใบจอง น.ส. 2 ใบจอง น.ส. 2 คือ เอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ทางราชการออกให้แก่ประชาชนเพื่อเป็นการแสดงความยินยอมให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราวตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งทางราชการจะมีประกาศเปิดโอกาสให้จับจองเป็นคราว ๆ ในแต่ละท้องที่  ผู้มีใบจอง น.ส. 2 จะต้องเริ่มทำประโยชน์ในที่ดินภายใน 6 เดือน และต้องทำประโยชน์ในที่ดินให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบจอง และจะต้องทำประโยชน์ให้ได้อย่างน้อย 75% ของที่ดินที่จัดให้ ที่ดินที่มีใบจองนี้จะขายหรือโอนให้แก่บุคคลอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะตกทอดทางมรดกให้กับทายาท เมื่อทำประโยชน์ตามเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ผู้ครอบครองมีสิทธินำใบจองนั้นมาขอออกโฉนดที่ดินประเภท น.ส.3, น.ส.3 ก. หรือ น.ส.3 ข. ได้ แต่จะยังไม่สามารถซื้อขายหรือโอนได้    ส.ป.ก 4-01 (ครุฑสีน้ำเงิน/ ครุฑสีแดง) ส.ป.ก 4-01 คือ เอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดินที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ออกให้กับประชาชนเพื่อใช้สำหรับทำเกษตรกรรมเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ผู้ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. มี 3 ประเภท คือ  เกษตรกร ผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก, ผู้ยากจนมีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/คน/ปี, ผู้ที่จบการศึกษาทางเกษตรกรรมไม่ต่ำกว่าระดับ ปวช. หรือเทียบเท่า, บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม สถาบันเกษตรกร เช่น กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร ชุมชนสหกรณ์การเกษตร เอกสาร ส.ป.ก 4-01 ไม่สามารถซื้อขาย โอน หรือจดจำนองได้ และห้ามใช้ทำประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการทำเกษตรกรรม แต่สามารถโอน แบ่งแยก และตกทอดทางมรดกให้แก่ทายาทได้โดยมีข้อแม้ว่าทายาทจะต้องใช้ที่ดินเพื่อทำเกษตรกรรมเท่านั้น   แบบยื่นชำระภาษีบำรุงท้องที่ ภ.ท.บ. 5 ภ.ท.บ. 5 ไม่ใช่ทั้งโฉนดที่ดินและเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่เป็นแบบยื่นชำระภาษีบำรุงท้องที่ใช้รับรองการเสียภาษีของผู้ครอบครองที่ดินให้กับหน่วยงานรัฐในท้องถิ่น เช่น อบต. หรือสำนักงานเขต ซึ่งหน่วยงานรัฐจะมีหน้าที่รับจ่ายเงินภาษี ลงบันทึก และออกใบ ภ.บ.ท. 5 ให้ผู้ชำระภาษีไว้เป็นหลักฐาน เอกสารนี้ไม่สามารถซื้อขาย โอน หรือใช้จดจำนองใด ๆ ได้ เพราะไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน   ส.ท.ก. ส.ท.ก. ย่อมาจากคำว่า สิทธิ์ทำกิน เป็นเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดินที่กรมป่าไม้ออกให้แก่ประชาชนเพื่อให้สิทธิเข้ามาใช้พื้นที่ทำกินในเขตพื้นที่ของกรมป่าไม้ โดยมีเงื่อนไขว่าผู้รับสิทธิ์จะต้องทำประโยชน์ในที่ดินผืนนั้นภายในระยะเวลา 2 ปี หากปล่อยทิ้งให้รกร้างกรมป่าไม้สามารถยึดคืนได้ทันที    ที่ดิน ส.ท.ก. ถือเป็นที่ดินของรัฐ ประชาชนที่ได้รับสิทธิ์มีสถานะเป็นเพียงผู้ครอบครองชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย จึงไม่สามารถซื้อขาย โอนกรรมสิทธิ์ หรือนำไปจดจำนองใด ๆ ได้ แต่สามารถตกทอดให้ทายาททางกฎหมายได้   ความแตกต่างระหว่างโฉนดที่ดินกับเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดิน ความแตกต่างระหว่างโฉนดที่ดินกับเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดิน หลัก ๆ แล้วจะอยู่ที่ระดับของกรรมสิทธิ์หรือการทำประโยชน์ใด ๆ บนที่ดิน และสถานะในทางกฎหมาย    โฉนดที่ดินเป็นเอกสารที่แสดงถึงกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยเฉพาะโฉนด นส.4 หรือโฉนดครุฑแดง ที่แสดงถึงกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ เจ้าของที่ดินสามารถซื้อขาย โอน หรือจดจำนองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงมีการระบุรายละเอียดทุกอย่างของที่ดินไว้ชัดเจน อาทิ ขนาดที่ดิน ระวางแผนที่ ตำแหน่งที่ตั้ง ทิศ แนวเขตที่ดิน เป็นต้น สามารถใช้เป็นหลักฐานหรือหลักประกันทางกฎหมายได้หลายประการ    ขณะที่เอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดิน เช่น ใบจอง น.ส. 2, ใบ ส.ป.ก 4-01, ใบ ส.ท.ก. เป็นเอกสารที่แสดงถึงกรรมสิทธิ์การครอบครองหรือการทำประโยชน์ในที่ดินแบบชั่วคราว ซึ่งรัฐเป็นผู้ออกให้กับประชาชนเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ที่ดินเพื่ออยู่อาศัยหรือทำกิน และมีเงื่อนไขที่ผู้ครอบครองต้องปฏิบัติตาม ไม่สามารถซื้อขาย โอน จดจำนอง หรือใช้เป็นหลักประกันทางการเงินได้ รวมถึงไม่ได้มีสถานะทางกฎหมายเทียบเท่ากับโฉนดที่ดิน   วิธีตรวจสอบโฉนดที่ดิน เช็กอย่างไรว่าเป็นของจริงหรือของปลอม โฉนดที่ดินเป็นเอกสารสำคัญทางราชการที่สามารถซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ให้กันได้ ทำให้เป็นช่องโหว่ให้ผู้ไม่หวังดีนำไปปลอมแปลงและนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย   วิธีตรวจสอบโฉนดที่ดินว่าเป็นของจริงหรือไม่สามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอก ขนาดของโฉนดที่ดินที่ถูกต้องคือ 24x36 ซม. เนื้อกระดาษจะมีสีเหลืองอ่อนและมีลวดลายเฉพาะ เมื่อส่องไฟผ่านโฉนด จะต้องมีลายน้ำตราครุฑล้อมรอบด้วยวงกลมมีคำว่า กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย    ด้านหน้าของโฉนดที่ดินจะต้องมีข้อมูลสำคัญครบถ้วน เช่น ตำแหน่งที่ดิน เลขโฉนดที่ดิน เลขที่ดิน พร้อมระบุข้อมูลของแปลงที่ดินอย่างครบถ้วนทุกช่อง และมีลายเซ็นเจ้าพนักงานกรมที่ดินพร้อมตราประทับอย่างชัดเจน ส่วนด้านหลังโฉนดที่ดินจะเป็นรายการประวัติการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่ละรายการจะต้องมีลายเซ็นเจ้าพนักงานกรมที่ดินและตราประทับกำกับอย่างครบถ้วนทุกรายการ   โฉนดที่ดินเสียหายหรือสูญหาย ทำอย่างไร? หากโฉนดที่ดินหายหรือเกิดการชำรุด เจ้าของสามารถทำเรื่องขอออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่ได้ที่สำนักงานที่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้   กรณีโฉนดที่ดินชำรุด โฉนดที่ดินฉบับเดิมที่ชำรุด  บัตรประจำตัวผู้ขอและสำเนา สำเนาทะเบียนบ้านผู้ขอ หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี) กรณีโฉนดที่ดินสูญหาย ใบแจ้งความหรือใบบันทึกประจำวัน  บัตรประจำตัวผู้ขอและสำเนา สำเนาทะเบียนบ้านผู้ขอ พยานรับรอง 2 คน พร้อมบัตรประชาชนตัวจริง และสำเนาทะเบียนบ้านของพยาน สำหรับการขอออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่ มีขั้นตอน ดังนี้  ยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เจ้าหน้าที่รับคำขอและสอบสวนถึงสาเหตุที่ต้องการขอโฉนดที่ดินฉบับใหม่ว่าไม่ได้มีเจตนาทุจริต และต้องการจะมาขอออกโฉนดเป็นชื่อเดิม  เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐาน เอกสารต่าง ๆ และพิจารณาสั่งการ เจ้าหน้าที่ลงบัญชีรับทำการ พร้อมตรวจอายัดโฉนดที่ดิน กรณีโฉนดสูญหายจะต้องให้พยาน 2 คนลงชื่อรับรองร่วมด้วย เจ้าหน้าที่เขียนใบสั่ง ใบเสร็จ และรับเงินค่าธรรมเนียมคำขอ เจ้าหน้าที่พิมพ์ประกาศ กรณีโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นอันตรายหรือสูญหาย เจ้าของที่ดินรับประกาศและนำเจ้าหน้าที่ไปปิดประกาศ เจ้าของที่ดินนำใบประกาศกรณีโฉนดที่ดินสูญหายไปปิดประกาศในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ 1 ฉบับ, สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ หรือที่ว่าการกิ่งอำเภอท้องที่ 1 ฉบับ, ที่ทำการแขวง หรือที่ทำการกำนันท้องที่ 1 ฉบับ, บริเวณแปลงที่ดิน 1 ฉบับ หากเป็นที่ดินในเขตเทศบาลให้ปิดไว้ ณ สำนักงานเทศบาลอีก 1 ฉบับ หลังครบ 30 วัน หากไม่มีผู้โต้แย้ง เจ้าหน้าที่จะเบิกแบบพิมพ์ดำเนินการสร้างใบแทนหรือออกโฉนดฉบับใหม่ เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินเสนอเจ้าพนักงานที่ดินพิจารณาลงนามในใบแทน และแจ้งเจ้าของที่ดินให้มารับใบแทนหรือโฉนดใหม่ แจกใบแทนหรือโฉนดใหม่ให้เจ้าของที่ดินตามวันที่นัดหมาย โดยบนโฉนดใหม่จะประทับข้อความสีแดงว่า “ใบแทน” เพื่อบอกให้ทราบว่าสามารถใช้แทนโฉนดที่ดินใบเดิมได้ทุกประการ โฉนดที่ดิน เอกสารสำคัญที่แสดงถึงการเป็นเจ้าของที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โฉนดที่ดินเป็นเอกสารสำคัญที่แสดงถึงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็นหลักฐานที่แสดงถึงการเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้นอย่างสมบูรณ์ มีความสำคัญในการซื้อขาย การโอนที่ดิน การจดจำนอง ทั้งยังใช้เป็นหลักประกันหรือหลักฐานทางทางกฎหมายได้ในหลาย ๆ กรณี การรู้จักและโฉนดที่ดินประเภทต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของที่ดินต้องเข้าความเข้าใจเพื่อให้ใช้สิทธิ์ในที่ดินได้อย่างสมบูรณ์และป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
Research and Knowledge
สัญญาเช่าที่ดิน หนังสือสำคัญทางกฎหมายที่ชาวอสังหาห้ามพลาด!Highlights: สัญญาเช่าที่ดิน คือ สัญญาระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยที่ดิน สัญญาเช่าพื้นที่ดินเปล่า สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทตามเงื่อนไขระยะเวลา ได้แก่ สัญญาเช่าที่ดินระยะสั้น และสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว สัญญาเช่าที่ดินระยะยาว เป็นสัญญาการใช้ที่ดินที่มีระยะเวลามากกว่า 3 ปีขึ้นไป โดยมีสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ สัญญาเช่าที่ดินทั่วไป และสัญญาเช่าต่างตอบแทน   สัญญาเช่าที่ดิน คืออะไร? สัญญาเช่าที่ดิน คือ สัญญาระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าที่จัดทำขึ้นเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยที่ดิน ในใบสัญญาจะกำหนดให้ผู้เช่าที่ดินมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้ให้เช่าตามที่กำหนด ซึ่งการนำที่ดินไปปล่อยเช่า นอกจากเจ้าของที่ดินจะได้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังเป็นการใช้ที่ดินอันรกร้างให้เกิดประโยชน์ โดยไม่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอย่างไม่จำเป็น   ส่วนกรรมสิทธิ์ของอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างขึ้นระหว่างการเช่าที่ดิน เช่น บ้าน หรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ จะตกเป็นของเจ้าของที่ดิน เนื่องจากผู้ให้เช่ายังมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนนั้นอยู่ หากผู้เช่าเห็นว่าที่ดินดังกล่าวสามารถใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว และคาดการณ์แล้วว่าราคาประเมินที่ดินในอนาคตมีแนวโน้มสูงขึ้น ก็ควรเปลี่ยนสถานะจากผู้เช่าเป็นเจ้าของที่ดิน ด้วยการเริ่มต้นทำสัญญาจะซื้อจะขายกับผู้ให้เช่าที่ดินเดิม เมื่อตกลงได้แล้วก็ดำเนินการโอนโฉนดที่ดิน ณ สำนักงานกรมที่ดิน   ประเภทของสัญญาเช่าที่ดิน ที่คุณต้องรู้ สัญญาเช่าที่ดินเปล่า สามารถแบ่งตามระยะเวลาการให้เช่าได้ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สัญญาเช่าที่ดินระยะสั้น และสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว โดยทั้งสองประเภทแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้   สัญญาเช่าระยะสั้น หนังสือสัญญาเช่าพื้นที่ระยะสั้นจะกำหนดให้ผู้เช่ามีสิทธิ์ใช้ที่ดินได้ไม่เกิน 3 ปี ซึ่งการจดทะเบียนการเช่าระยะสั้น คู่สัญญาสามารถดำเนินการด้วยตนเอง โดยไม่ต้องจดทะเบียนถึงสำนักงานกรมที่ดิน ทั้งนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องเดินทางไปทำเรื่องถึงสำนักงานฯ แต่แบบฟอร์มสัญญาเช่าที่ดินระยะสั้น ก็ต้องได้ใจความรัดกุม ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งต้องมีรายละเอียดเนื้อหาของหนังสือดังนี้ มีชื่อ-สกุลของผู้เช่า และผู้ให้เช่า รวมทั้งรายละเอียดอื่นให้ชัดเจน กำหนดระยะเวลาการให้เช่า โดยบอกวันเริ่มต้น-วันสิ้นสุด อัตราค่าเช่าต่อเดือน หากมีเงื่อนไขการให้เช่าอื่น เช่น การยกเลิกสัญญาเช่าในกรณีที่ใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ จากที่ตกลงกันเอาไว้ ก็ให้ระบุลงไปด้วย เซ็นลายมือชื่อทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า รวมทั้งพยาน   สัญญาเช่าระยะยาว หนังสือเช่าที่ดินระยะยาวเป็นการเช่าที่ดินมากกว่า 3 ปีขึ้นไป โดยการจดทะเบียนต้องดำเนินการที่สำนักงานกรมที่ดิน เนื่องจากจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นข้อกฎหมายที่ต้องทำสัญญาเช่าต่อหน้าเจ้าหน้าที่เท่านั้น มิเช่นนั้นแล้ว จะถือว่าสัญญาเช่าเป็นโมฆะ โดยสัญญาเช่าระยะยาวแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ สัญญาเช่าธรรมดา และสัญญาเช่าต่างตอบแทนฯ   สัญญาเช่าธรรมดา เป็นลักษณะการเช่าแบบทั่วไป ผู้เช่ามีหน้าที่จ่ายค่าเช่าตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ระยะเวลาการเช่าสูงสุดอยู่ที่ไม่เกิน 30 ปี ผู้เช่าไม่สามารถถ่ายโอนทรัพย์สินที่เช่าอยู่ ให้แก่ทายาทเพื่อรับมรดกได้ หากผู้เช่าเสียชีวิต สิทธิ์ในการเช่าจะถือเป็นอันสิ้นสุด สัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา  ผู้เช่าสามารถโอนกรรมสิทธิ์การเช่าไปยังทายาทได้ ผู้เช่าจ่ายค่าตอบแทนอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าเช่าทั่วไป เช่น การเสียเงินช่วยค่าก่อสร้าง ผู้เช่าเป็นผู้ปรับปรุงอาคารในกรณีชำรุดทรุดโทรมด้วยตนเอง รายละเอียดอะไรบ้าง? ที่ต้องมีในสัญญาเช่าที่ดิน สัญญาเช่าที่ดินถือเป็นนิติกรรมสัญญาประเภทหนึ่งที่ต้องกำหนดสิทธิ์ เงื่อนไข และหน้าที่ของคู่สัญญาเอาไว้ ดังนั้น ก่อนเซ็นแบบฟอร์มหนังสือสัญญาเช่าที่ดิน ควรอ่านสัญญาให้ดีว่าระบุรายละเอียดต่าง ๆ ไว้อย่างครบถ้วนหรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งรายละเอียดที่ต้องมีในสัญญาเช่าที่ดินมีดังต่อไปนี้   ระยะเวลาการเช่าที่ดิน เป็นเงื่อนไขที่ผู้ให้เช่ากำหนดว่าจะสามารถใช้ที่ดินได้ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ ซึ่งหากพ้นกำหนดแล้วผู้ให้เช่าไม่ต่อสัญญา ก็จะใช้ที่ดินผืนนั้นไม่ได้ และหนังสือสัญญาเช่าที่ดินบางฉบับ จะกำหนดอัตราค่าเช่าล่วงหน้าเอาไว้ด้วยว่าหากพ้นกำหนดระยะเวลาการเช่าที่ดินเดิมไปแล้ว ในกรณีที่ผู้เช่าต่อสัญญา จะคิดอัตราค่าเช่าเรตเดียวกับระยะเวลาการเช่าก่อนหน้า   วัตถุประสงค์การใช้ที่ดิน ข้อมูลในส่วนนี้จะกำหนดว่าผู้เช่ามีสิทธิ์ใช้ที่ดินเพื่อวัตถุประสงค์ใด หากผู้เช่าใช้ที่ดินนอกเหนือจากข้อตกลงในสัญญา ผู้ให้เช่ามีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาล่วงหน้าได้ ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์การใช้ที่ดินให้ชัดเจน เป็นเพราะว่าการใช้ที่ดินในบางครั้ง จะต้องมีการขุดที่ดิน ซึ่งทำให้ผิวที่ดินเดิมเสียหาย และส่งต่อราคาประเมินที่ดิน   รายละเอียดของผู้เช่าและผู้ให้เช่า เป็นข้อมูลเบื้องต้นระหว่างคู่สัญญาว่ามีชื่อ-นามสกุลอะไร มีที่อยู่ที่ไหน นอกจากนี้ยังสามารถระบุรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ เช่น เบอร์โทรศัพท์มือถือ เลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือชื่อคู่สมรส เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดต่อสื่อสารในอนาคต   อัตราค่าเช่า ผู้ให้เช่าจะกำหนดว่าผู้เช่าต้องเสียค่าเช่าเดือนละเท่าไหร่ แต่ทั้งการเสียค่าเช่าบางครั้งไม่ได้จ่ายเป็นรายเดือนเสมอไป เพราะผู้ให้เช่าอาจกำหนดให้จ่ายเป็นรายปี หรือรายสัปดาห์ก็ได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านี้ผู้ให้เช่าบางรายคิดค่าเช่าแบบอัตราขั้นบันได เช่น ในช่วง 1 ปีแรก คิดค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท แต่ปีถัดไปคิดค่าเช่าเพิ่มขึ้น 10% เป็นต้น ซึ่งหากผู้ให้เช่ากำหนดเงื่อนไขดังกล่าว ก็ควรระบุไว้ในสัญญาด้วย    การเช่าช่วง การเช่าช่วงเป็นการที่ผู้เช่าปล่อยเช่าที่ดินต่อให้แก่บุคคลที่สาม ซึ่งบางครั้งผู้ให้เช่าก็อนุญาตให้นำที่ดินไปปล่อยเช่าต่อได้ แต่ส่วนมากแล้วผู้ให้เช่ามักจะไม่อนุญาตให้มีการเช่าช่วงต่อ เพราะเมื่อมีผู้ทำทรัพย์สินเสียหายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะผู้เช่า หรือผู้เช่าช่วงต่อ จะหาผู้รับผิดชอบยากมาก ด้วยเหตุนี้ในสัญญาเช่าที่ดินก็ควรกำหนดเงื่อนไขบอกเลิกสัญญาเช่าล่วงหน้าได้ หากพบว่าผู้เช่าปล่อยเช่าที่ดินแก่ผู้เช่ารายอื่น โดยที่ผู้ให้เช่าไม่อนุญาต   รายละเอียดของที่ดินให้เช่า รายละเอียดของที่ดินให้เช่าประกอบด้วยบ้านเลขที่ ทำเลที่ตั้ง พร้อมทั้งขนาดของที่ดิน ซึ่งผู้ให้เช่าสามารถเขียนข้อมูลในส่วนนี้ได้จากใบระวางที่ดิน ส่วนสาเหตุที่ต้องระบุรายละเอียดของที่ดินให้ชัดเจน เป็นเพราะว่าบางครั้งผู้ให้เช่าแบ่งที่ดินสำหรับเช่าออกเป็นหลายแปลง ซึ่งอาจจะมีที่ดินบางส่วนไปทับกับผู้เช่าเดิมอยู่ได้   การย้ายทรัพย์สินกรณีสิ้นสุดสัญญา รายละเอียดในส่วนนี้จะกำหนดว่าผู้เช่าต้องขนย้ายทรัพย์สินของตนทั้งหมดออกไปจากพื้นที่ด้วยการออกค่าใช้จ่ายเองเมื่อหมดสัญญาเช่า หรือผู้ให้เช่าไม่ต่อสัญญา     สัญญาเช่าที่ดิน รู้ก่อนเช่า ไม่มีเสียเปรียบ หวังว่าทุกคนคงได้คำตอบกันไปอย่างครบถ้วนแล้วว่า สัญญาเช่าที่ดินคืออะไร และมีทั้งหมดกี่ประเภท ซึ่งการศึกษาวิธีเขียนสัญญาเช่าที่ดินก่อนลงมือร่างสัญญาจริง จะทำให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าองค์ประกอบของสัญญาเช่าที่ดินที่ดีต้องมีอะไรบ้าง และเขียนสัญญาได้อย่างรัดกุม โดยไม่เสียประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
Research and Knowledge
เช็กราคาประเมินที่ดิน รู้ไว้ก่อนตัดสินใจซื้อขายบ้านHighlights ราคาประเมินที่ดิน คือ ราคากลางของที่ดินที่ได้รับการประเมินขึ้นโดยกรมธนารักษ์เพื่อใช้สำหรับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดสิทธิบัตร รวมถึงการดำเนินการทำนิติกรรมตามที่กฎหมายกำหนด ราคาประเมินที่ดินสามารถนำมาใช้วิเคราะห์ที่ตั้งของที่ดินเพื่อการตัดสินใจในการลงทุนหรือการซื้อขายบ้าน รวมถึงช่วยคำนวณค่าภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ก่อนวันโอนที่ดินจริง การตรวจสอบราคาประเมินที่ดินทั้งแบบมีโฉนดและไม่มีโฉนดสามารถทำได้หลายช่องทาง ได้แก่ การติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรง หรือการเช็กราคาด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ให้บริการ ราคาประเมินที่ดินคืออะไร เช็กได้ทุกพื้นที่หรือไม่? ที่ดินเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่มีมูลค่าและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปี โดยเฉพาะที่ดินที่อยู่ใจกลางเมืองตามย่านธุรกิจต่าง ๆ โดยคุณสามารถเช็คราคาที่ดินแต่ละแห่งได้จากราคาประเมินที่ดิน หรือก็คือราคากลางของที่ดินที่ได้รับการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง การประเมินราคาที่ดินจากกรมธนารักษ์ และราคาตลาดที่ประเมินโดยบริษัทเอกชน ซึ่งมีการพิจารณาร่วมกับปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพของทำเล, ขนาดที่ดิน, สภาพแวดล้อม ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกรอบ ๆ พื้นที่   ราคาประเมินที่ดินมีขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากการซื้อขายบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ รวมไปถึงการจำนองที่ดิน นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้คิดคำนวณค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ภาษีแสตมป์ และภาษีอากรก่อนวันโอนที่ดินจริง เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีการคิดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 1-2% ของราคาประเมิน ดังนั้นราคาประเมินที่ดินจึงสามารถช่วยให้คุณทราบค่าโอนที่ดินรวมถึงคำนวณใช้จ่ายอื่น ๆ ได้อย่างครบถ้วนแม่นยำมากขึ้น   รวมช่องทางเช็กราคาประเมินที่ดินด้วยตัวเอง ทำง่ายไม่กี่ขั้นตอน สำหรับช่องทางเช็กราคาประเมินที่ดินในปัจจุบันสามารถทำได้ทั้งการสอบถามราคาประเมินที่ดินโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ และการค้นหาแปลงที่ดินบนออนไลน์ด้วยตนเองง่าย ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสามารถทำผ่าน 3 ช่องทางหลัก ดังนี้   โทรสอบถามราคาประเมินที่ดิน ใครที่ต้องการเช็กราคาประเมินที่ดินสามารถติดต่อสอบถามกับสำนักงานที่ดินในพื้นที่หรือเจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ โดยควรเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนเพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ เช่น โฉนดที่ดิน ใบระวางที่ดิน  ช่องทางการติดต่อสอบถามราคาประเมินที่ดิน ได้แก่  เบอร์โทร : 0 2270 0360 ต่อ 63  Call Center กรมธนารักษ์ : 0 2059 4999 เว็บไซต์ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางดูราคาประเมินที่ดินด้วยตนเองที่สะดวกและรวดเร็วก็สามารถค้นหาได้บนเว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ https://assessprice.treasury.go.thที่ให้บริการตรวจสอบที่ดินด้วยเลขโฉนดที่ดิน, เลขที่ดิน, เลขที่ น.ส.3 ก. และเช็กราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างบริเวณพื้นที่อื่น ๆ    เมื่อเข้าหน้าเว็บไซต์เช็กราคาประเมินที่ดินแล้วจะต้องมีการกรอกข้อมูลของที่ดินและบริเวณที่ตั้งที่ต้องการตรวจสอบ เช่น จังหวัด, อำเภอ, ตำบล, เลขหน้าสำรวจ, แผนที่ภูมิประเทศ, ระวาง, เลขที่ดิน เป็นต้น   แอปพลิเคชัน อีกหนึ่งช่องทางเช็กราคาประเมินที่ดินด้วยตัวเองง่าย ๆ ก็คือ การเช็กบนแอปพลิเคชัน TRD Property ของกรมธนารักษ์ และแอปพลิเคชัน Landmaps ของกรมที่ดินที่นอกจากจะระบุราคาประเมินที่ดินที่คุณสนใจแล้วยังแสดงพิกัดที่ดินและข้อมูลแผนที่ที่ตั้งได้อย่างถูกต้องครบถ้วนอีกด้วย รองรับทั้งระบบ IOS และ Android    หากใครที่กำลังสงสัยว่าไม่มีโฉนดที่ดินอยู่กับตัวจะสามารถตรวจราคาประเมินที่ดินได้ไหม? หากไม่มีโฉนดที่ดินหรือเลขที่ดินก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะคุณสามารถดูสรุปราคาที่ดินแต่ละจังหวัดและค้นหาที่ดินจากแผนที่ที่ระบุข้อมูลที่ตั้งตามขอบเขตที่กำหนด ผ่านแอปพลิเคชันทั้ง 2 ที่เราแนะนำได้เช่นกัน    วิธีตรวจสอบราคาประเมินที่ดินด้วยตนเองทำได้อย่างไรบ้าง อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการตรวจสอบราคาประเมินที่ดินแม้ไม่มีโฉนดที่ดินก็สามารถทำได้ เพียงรู้ตำแหน่งของแปลงที่ดิน เช่น จังหวัด อำเภอ หรือตำบล ก็จะช่วยให้คุณสามารถเช็กราคาประเมินเบื้องต้นของแปลงที่ดินนั้น ๆ สำหรับใครที่กำลังต้องการตรวจสอบราคาประเมินที่ดินด้วยตนเอง SC Asset ได้รวบรวมวิธีเช็กราคาประเมินที่ดิน 2567 ฉบับง่ายมาให้คุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว    ตรวจสอบจากเลขที่โฉนด การดูราคาประเมินที่ดินด้วยเลขที่โฉนดจะถูกระบุไว้ในเอกสารโฉนดที่ดินเพื่อใช้ระบุเอกสารสิทธิ์ที่ดินและใช้เป็นเลขอ้างอิงสำหรับดำเนินการทำนิติกรรมต่าง ๆ กับกรมที่ดิน โดยการตรวจสอบราคาประเมินที่ดินผ่านเว็บไซต์กรมธนารักษ์มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ เข้าหน้าเว็บไซต์และกดคลิกหน้าค้นหาราคาประเมิน เลือกการค้นหาราคาประเมินที่ดินด้วยเลขที่โฉนดบนแถบเมนู กรอกข้อมูลที่ดินที่ต้องการตรวจสอบ ได้แก่ เลขที่โฉนด, หน้าสำรวจ (ถ้ามี), จังหวัด, อำเภอ และเขตของที่ดินที่ตั้งอยู่  เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้วให้กดคลิกปุ่มค้นหา ระบบจะแสดงราคาประเมินที่ดินตามข้อมูลพื้นที่ที่ระบุเอาไว้ โดยแสดงเป็นราคาประเมินต่อตารางวา ตรวจสอบจากเลขที่ดิน การตรวจสอบจากเลขที่ดิน เป็นหมายเลขระบุแปลงที่ดินในแผนที่ระวาง มีขึ้นเพื่อแยกแปลงที่ดินในเขตพื้นที่เดียวกัน ดังนั้นเลขที่ดินแต่ละแปลงจะต้องไม่ซ้ำกัน การเช็กราคาประเมินที่ดินด้วยเลขดังกล่าวจะมีขั้นตอนดังนี้  เข้าหน้าเว็บไซต์กรมธนารักษ์และกดคลิกหน้าค้นหาราคาประเมิน เลือกการค้นหาราคาประเมินด้วยเลขที่ดิน กรอกข้อมูลที่ดินที่ต้องการตรวจสอบ ได้แก่ เลขที่ดิน, ระวาง, แผนที่ภูมิประเทศ ตามด้วยจังหวัดที่ตั้งแปลงที่ดิน เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่มค้นหา ระบบจะแสดงผลลัพธ์ราคาประเมินที่ดินดังกล่าวขึ้นมา สำหรับผู้ที่ไม่มีข้อมูลทั้งเลขที่โฉนดและเลขที่ดินก็สามารถเลือกตรวจสอบราคาประเมินที่ดินด้วย น.ส.3 ก หรือตรวจสอบราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน เช่น บ้าน, ตึกแถว, อาคาร หรือคลังสินค้า เพื่อใช้คำนวณค่าใช้จ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ผ่านเว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ได้เช่นกัน    ตรวจสอบจากแผนที่ที่ตั้งของที่ดิน  การค้นหาราคาประเมินที่ดินด้วยแผนที่ที่ตั้งของที่ดินเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีข้อมูลโฉนดที่ดิน โดยสามารถค้นหาผ่านเว็บไซต์ของกรมที่ดิน หรือผ่านแอปพลิเคชัน Landmaps ก็ได้เช่นกัน โดยมีขั้นตอนดังนี้  เข้าสู่หน้าเว็บไซต์ค้นหารูปแปลงที่ดินของกรมที่ดิน https://landsmaps.dol.go.th/ กดคลิกซูมแผนที่เพื่อค้นหาที่ตั้งของที่ดินที่ต้องการตรวจสอบ หรือเลือกค้นหาด้วยการระบุจังหวัด เขต แขวง นอกจากนี้ยังสามารถเลือกค้นหาที่ดินจากสถานที่สำคัญบริเวณใกล้เคียงบนแผนที่ได้เช่นกัน เมื่อค้นพบตำแหน่งของที่ดินที่ต้องการตรวจสอบราคาแล้ว ให้กด Double-click บนที่ตั้งดังกล่าว ระบบจะแสดงข้อมูลของที่ดินและราคาประเมินที่ดินต่อตารางวาขึ้นมาให้คุณทันที  ราคาประเมินที่ดินย่านใจกลางเมืองในกรุงเทพ 2567 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่ดินในกรุงเทพมหานครคงเป็นที่พื้นที่ที่ใครหลายคนอยากจับจอง ไม่ว่าจะเพื่ออยู่อาศัยหรือการลงทุน โดยเฉพาะที่ดินที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่มีราคาประเมินที่ดินสูงกว่าหนึ่งล้านบาทต่อตารางวาเลยทีเดียว มาดูกันว่าบริเวณย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพมีราคาประเมินที่ดิน อยู่ที่เท่าไรกันบ้าง ย่านสีลม มีราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 750,000-1,000,000 บาท ต่อตารางวา ย่านสาทร มีราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 450,000-800,000 บาท ต่อตารางวา ย่านถนนสุขุมวิท มีราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 230,000-750,000 บาท ต่อตารางวา ย่านถนนเยาวราช มีราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 700,000 บาท ต่อตารางวา ย่านถนนพระราม 1 มีราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 400,000-1,000,000 บาท ต่อตารางวา ย่านถนนเพลินจิต มีราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 1,000,000 บาท ต่อตารางวา ราคาประเมินที่ดิน ตัวช่วยวางแผนซื้อขายบ้านให้คุ้มค่า ราคาประเมินที่ดินเป็นราคากลางที่ถูกประเมินตามเกณฑ์มาตรฐานของผู้เชี่ยวชาญทางด้านที่ดินจากกรมธนารักษ์ รวมไปถึงราคาประเมินโดยบริษัทเอกชน และราคาตลาดที่กำหนดโดยผู้ซื้อและผู้ขายเอง โดยราคาประเมินที่ดินแต่ละแห่งจะมีมูลค่าสูงหรือน้อยนั้นย่อมพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง, การคมนาคม, สิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ ตลอดจนแนวโน้มการพัฒนาพื้นที่ในอนาคต ซึ่งการตรวจราคาประเมินที่ดินจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ใช้เจรจาต่อรองเพื่อการลงทุน รวมไปถึงการตัดสินใจซื้อขายที่ดินได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
Research and Knowledge